ไม่ว่า นายวัฒนา เมืองสุข ไม่ว่า นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ล้วนไม่ ต้องการให้ “หมายเรียก” พัฒนาไปสู่”หมายจับ”
ต่างแสดงความพร้อม
เพราะเห็นบทเรียนมาจากกรณี 2 โฆษกแห่งสำนักวัดพระธรรมกายมาแล้ว
รีๆรอๆตอน “หมายเรียก”
“หมายเรียก”ก็เลยพัฒนาไปสู่ “หมายจับ”
อาจเพราะทั้ง นายวัฒนา เมืองสุข ทั้ง นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ล้วนมีประสบการณ์
ตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา
แทนที่จะดำเนินยุทธวิธีในแบบ “ตั้งรับ” ตรงกันข้าม พลิกสถานการณ์เป็น “รุก” เข้าไปยัง บก.ปอท.
ก่อให้เกิดภาวะ”งุนงง” กันถ้วนหน้า
หากใครติดตามการไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ บก.ปอท.ของ นายประวิตร โรจนพฤกษ์
ก็จะสัมผัสได้ในเรื่องแปลกอย่างประหลาด
1 ตั้งข้อหาได้ในคดีแรก แต่คดีสองกลับให้รอก่อน
ขณะเดียวกัน 1 ระหว่างรอนั้นก็ไม่สามารถบอกได้ว่า”ที่ว่านำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ”นั้นเท็จอย่างไร
ต้องรอไปวันที่ 18 สิงหาคม อีก 9 วัน
ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ยืนยันในสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
หาก นายทอดด์ รุยซ์ บรรณาธิการข่าวสด อิงกลิช ก็ยืนยัน
“คุณประวิตรและประชาชนทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น เป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครอง”
และที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
“ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เปิดเผยรายละเอียดว่าใครเป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาให้ดำเนินการกับคุณประวิตร โรจนพฤกษ์ ในครั้งนี้”
เท่ากับอยากรู้จักผู้ประสงค์”แจ้งความ”แต่ไม่ยอมออกนาม
ไม่เพียงแต่ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ เท่านั้นที่อยากรู้ หากคนอื่นก็อยากรู้เหมือนกัน