โลกสวยหลังปูหนี? คอลัมน์ ใบตองแห้ง

สะใจจริงๆ “อีปู” หนีคดีตามพี่ชาย ทิ้งมือถือ ทิ้งรถ ขึ้นสองแถวต่อเรือหางยาวออกนอกประเทศ ศิลปินแห่งชาติ กวีนักวิชาการ พระนักกิจกรรม อดใจไม่ไหว แข่งกันร่ายกลอน “สรรพลี้หวน” เย้ยหยันน้ำในหู แมลงสาบรุมกัด สังคมคนชั้นกลางรุมประณาม ทำผิดไม่กล้ารับ ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่ยักเหมือนลุงกำนันผู้กล้าหาญ กล้าอยู่สู้คดีขัดขวางเลือกตั้ง ไม่ยักเหมือนพันธมิตร กล้าสู้คดียึดทำเนียบยึดสนามบิน

หลายฝ่ายทายทัก นับแต่นี้ชินวัตรเสื่อม หนีศาล อันศักดิ์สิทธิ์ เสียคะแนนนิยม อ้าว ทักษิณก็หนีไม่ใช่หรือ เพียงแต่ใช้วิธีขอศาลไปดูโอลิมปิกแล้วไม่กลับ ไม่ยักเสื่อมความนิยม

มวลชน 6 ล้านไลก์ 15 ล้านเสียง ซึ่งถูกทำให้ชินชากับกระบวนการยุติธรรมตลอดสิบปีที่ผ่านมา ไม่แยแสหรอก ดีใจโล่งใจซะมากกว่าที่ยิ่งลักษณ์หนีรอดได้ ไม่ได้สนใจคำถากถาง ปัดโธ่ นึกว่าจะกล้าหาญ ไหนว่าจะไม่หนี (ไหนใครว่าจะไม่ทำรัฐประหาร)

กระนั้นแน่ละ เมื่อขาดผู้นำที่เป็นขวัญใจ พลังของเพื่อไทยเสื้อแดงย่อมอ่อนลง การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่สู้ยังไงก็สู้ไม่ได้ ก็คงทำได้แค่ถนอมตัว หรือเผลอๆ ประนีประนอม ไม่เป็นเสี้ยนหนามของอำนาจเก่าในขวดใหม่ หลายฝ่ายจึงมองว่าอนาคตการเมืองไทยกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุค “โพสต์ชินวัตร” หมดอิทธิพลทุนสามานย์ ไปสู่ยุคคนดีมีศีลธรรมกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ ปฏิรูปประเทศ ประชารัฐ ร่วมกับตระกูลล่ำซำ โสภณพนิช เจียรวนนท์ สิริวัฒนภักดี ฯลฯ

คำถามคือ ประเทศยุคโพสต์ชินวัตรจะสวยงามอย่างที่หลายคนฝันไหม เช่น นับแต่นี้ บ้านเมืองจะสงบสุข เศรษฐกิจจะดี คนไทยรู้รักสามัคคี เลิกเกลียดชังกัน รู้จักแบ่งปัน ให้อภัย โดนกระสุนจริงยิงตายเกลื่อนก็ต้องให้อภัย คนไทยด้วยกัน ไม่ใช่มาเลเซีย นับแต่นี้ จะเห็นแต่ภาพทหารช่วยเหลือประชาชน คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมีช่วยชนบท กลับสู่สังคมเมตตาธรรม ตราบใดที่ไม่เรียกร้องสิทธิเท่าเทียม 1 คน 1 เสียง มุ่งหน้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เศรษฐี CSR ล้วนทำธุรกิจเพื่อสังคม กระบวนการยุติธรรมจะไม่มี 2 มาตรฐาน ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เว้นแต่คนที่ออกคำสั่งเป็นกฎหมาย ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปสื่อ ปฏิรูปสังคม นับหนึ่งใหม่ ปฏิรูปการศึกษา สร้างเด็กไทยเป็น AI ไม่เอาแบบเนติวิทย์ ตั้งโปรแกรมลบอดีตให้เหมือนคนรุ่นหลัง 6 ตุลาไม่เคยรู้ว่ามีเก้าอี้ฟาด

ไม่แน่นะ รัฐอนุรักษนิยมไทยประสบความสำเร็จมาแล้ว รัฐประหาร 2490 ฆ่าเสรีไทย ล้างระบอบคณะราษฎร รัฐประหาร 2500 ฟื้นศีลธรรมจารีตพร้อมทุนนิยมก้าวกระโดด หลัง 6 ตุลา 2519 ใช้ 66/23 แล้วก็โชติช่วงชัชวาล สอนคุณงามความดีผ่านสื่อโฆษณาในกระแสทุนนิยมบริโภค

แต่ถามอีกที คือเราเข้าสู่ยุคโพสต์ชินวัตรจริงๆ หรือยัง โดยเฉพาะ “ผีชินวัตร” “ผีเสื้อแดง” ที่ปลุกปั่นมาสิบกว่าปี

ข้อแรก อาจช่างหัวมันเหอะ ไม่ต้องไปสนใจให้ความยุติธรรมความเป็นธรรมกับ “ไอ้แม้ว” “อีปู” แต่ความคับแค้นใจของประชาชนที่ถูกกระทำ ตั้งแต่เสื้อแดงปี 52-53 มาจนคนชู 3 นิ้วเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ จะจัดการอย่างไร จะบอกให้ลืมเสียเถอะ อย่าทำบ้านเมืองไม่สงบ มานับหนึ่งใหม่ ถ้าทำให้เศรษฐกิจดีได้ เดี๋ยวก็ลืมไปเอง เหมือนคนจีนได้กินกุ้งแล้วลืมการเข่นฆ่าที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน เลิกเรียกร้องประชาธิปไตย อย่างนั้นใช่ไหม

ข้อสอง หลังความพยายามโค่น “ระบอบทักษิณ” มาสิบกว่าปี ฆ่าผีทักษิณไม่ตายซักที จนต้องฆ่า “ผีประชาธิปไตย” รัฐธรรมนูญมีชัยก็วางโครงสร้างอำนาจใหม่ อย่างที่ สุริยะใสให้สัมภาษณ์แบบดวงตาเพิ่งเห็นธรรมว่า ไม่ไว้วางใจประชาชน แบ่งปันอำนาจกันในกลุ่มชนชั้นนำ แต่กันประชาชนออกจากเวที

โครงสร้างอำนาจนี้วางไว้เพื่อจัดการ “ผีทักษิณ” “ผีเลือกตั้ง” แต่ผีไม่มาตามนัด แล้วจะเกิดอะไร ก็เกิดอำนาจอิสระมากมาย ต่างคนต่างใหญ่ เพียงแต่เฉพาะหน้ายังอยู่ใต้ ม.44 ถามจริง ถ้าไม่มี ม.44 ใครจะบริหารประเทศนี้ได้

อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ชี้ว่าวิกฤตสิบกว่าปีทำให้ “รัฐพันลึก” กลายเป็น “รัฐพันตื้น” เพราะโผล่ขึ้นผิวน้ำ จนคนเห็นกันหมดแล้ว ไม่สามารถกลับลงใต้น้ำอีก ที่เคยอ้างคุณธรรมกำบังหลังประชาธิปไตย วันนี้ไม่มีอะไรอำพราง คนรู้ทันหมดแล้ว แม้แต่คนที่แกล้งหลับตาข้างลืมตาข้างเพราะความเกลียดชัง

เดิมพันในวันหน้าจึงเป็นของ “รัฐพันตื้น” ทั้งยวง ซึ่งถลำมาไกล ถ้าไม่มีทักษิณแล้ว ระวังจะกลายเป็นเป้าแทน

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน