เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์น้ำว่า ปัจจุบันมีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นในช่วงที่น้ำล้นตลิ่ง ตนเรียนแล้วว่ามีผลกระทบกับประชาชนที่อยู่ริมน้ำแน่นอน รัฐบาลต้องดูแลคนเหล่านี้ ถ้าไม่ทำน้ำจะเพิ่มขึ้นและจะล้นคันกั้นน้ำ จะมีผลกระทบทั้งกรุงเทพฯและที่อื่นด้วย ใครที่เดือดร้อนรัฐบาลจะดูแล ต้องสอนการเรียนรู้ว่าจะอยู่กับน้ำได้อย่างไรในอนาคต

วันนี้รัฐบาลมีแผนงานที่เสนอพิจารณาในเรื่องการตัดตอนน้ำในภาคเหนือ ทำเส้นทางรับน้ำในตะวันตก ตะวันออก ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก มีการศึกษารายละเอียดมานานพอสมควรแล้ว แต่ติดปัญหาเรื่องการเวนคืนที่ดิน การใช้งบประมาณในการเยียวยา ซึ่งใช้งบประมาณสูง

รัฐบาลทำทุกอย่างที่ผ่านมา ทั้งการเก็บกักน้ำ การระบายน้ำ การส่งน้ำ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ได้มากที่สุด เพราะการใช้งบประมาณจำนวนสูงๆหลายหมื่นหลายแสนล้านจะต้องใคร่ครวญให้ดี ไม่ใช่รัฐบาลไม่คิดอะไรเลย

ตนมีแผนมากมายที่จะต้องทำในแผนการบริหารจัดการน้ำของคสช. ของรัฐบาล มีแผนยุทธศาสตร์ชัดเจน ไม่มีอะไรที่ทำเร็วและได้เลยทันที เพราะหมักหมมมายาวนาน ต้องแก้ไป รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ทั้งเรื่องการเฝ้าระวังและการแจ้งเตือนภัย ผู้ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำที่รับผลกระทบวันนี้อาจจะมีฝนลงมา ต้องแยกแยะ ระหว่างเมื่อมีพายุแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าไม่มีพายุแล้วมีความชื้นเข้ามาทำให้ฝนตกมาก นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่มีทางที่ประเทศไทยจะไม่มีน้ำขังท่วม จะไม่มีน้ำที่รอการระบาย มันเป็นไปไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้รื้อระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องผังเมือง เรื่องระบบท่อ เรื่องระบบระบายน้ำ เรื่องขยะอุดตันก็แก้กันมาตลอด ต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนร่วมมือ

นายกฯ กล่าวต่อว่า จะเห็นว่าพอน้ำท่วมแล้วน้ำลดขยะจะเต็มไปหมด ขยะมาจากไหน มาเองหรือมากับฝน ก็มาจากเราที่เอาไปทิ้ง จะไปโทษคนเก็บอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะเก็บไม่หมดหรอก ถ้าทุกคนทิ้งเลอะเทอะกันแบบนั้น ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบ รัฐบาลทำทุกอย่างเดี๋ยวจะให้รู้ว่ารัฐบาลทำอะไร เคยศึกษาหรือไม่แผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ไม่สนใจแล้วไปจับประเด็นมาตี เดี๋ยวจะแถลงให้ชัดเจนขึ้น เรามีทั้งการบริหารจัดการเรื่องน้ำท่าและน้ำฝน น้ำเหนือเขื่อน น้ำใต้เขื่อน

ฉะนั้นการที่มีน้ำท่วมขังในปี 2554 มันก็อีกเรื่องหนึ่ง วันนี้ได้เร่งระบายน้ำทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกมาโดยตลอด ถึงเวลาที่อั้นไม่ไหวก็ปล่อยออกมาบ้าง ไม่อย่างนั้นจะท่วมแบบปี 2554 นี่เรียกว่าการบริหารจัดการน้ำ เข้าใจไหม ไม่ใช่เป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ทำอุโมงค์ส่งน้ำ ทำคลองผันน้ำวันตก ตะวันออก ร้อยกว่ากิโลเมตรมันเป็นเงินเท่าไหร่ แล้วใช้ได้ไหม ประชาชนจะยอมไหม นี่คือปัญหาที่เจออยู่ ก็จะแก้ให้ แต่ต้องใช้เวลา ไม่อยากให้ไปสร้างความได้เปรียบทางการเมือง มันเลอะเทอะตอนนี้ ฟังตนบ้าง

ส่วนน้ำท่วมขังในกทม. ตนสั่งการแต่มันขึ้นอยู่กับว่าน้ำลงมาเท่าไหร่ มันระบายได้เท่าไหร่ และมันค้างอยู่เท่าไหร่ จะระบายออกได้เร็วหรือไม่ อย่าหาจำเลยกันมากนักเลย ยังไงมันก็มีแต่จำเลย ไม่มีคนทำเท่าไหร่หรอกที่จะทำให้ดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ตนไม่อยากจะย้อนกลับไปกลับมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการหารือวงเล็กเรื่องสถานการณ์น้ำเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้สั่งการให้ส่วนเกี่ยวข้องไปดูที่ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล และเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งมีน้ำเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ยังน่าเป็นห่วงอยู่ ถ้าล้นมาก็เป็นปัญหา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลบริหารไม่ได้ เพราะมันเกินขนาด ที่ผ่านมามีการระบายล่วงหน้ามาแล้ว และเราไม่สามารถระบายมากได้ เพราะจะท่วมข้างล่างนี่คือปัญหา ต้องรอให้ถึงเวลาเหมาะสม ถ้าไม่ไหวแล้วจึงจะระบาย นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคนที่จะได้รับผลกระทบตั้งแต่ต้นยันปลาย ถ้าไม่สนใจอะไรก็ปล่อยมาตลอด และจะท่วมข้างล่าง ข้างบนไม่ท่วม แต่เราต้องดูคนทุกภาคส่วนทั้งหมด ในอนาคตเราต้องบริหารน้ำด้านตะวันออก ระบายจากแม่น้ำป่าสักมาอ่าวไทยอีกเส้นทางหนึ่ง ปัญหาคือกำลังศึกษาอยู่ว่าทำได้ไหม ร้อยกว่ากิโลเมตร

ในด้านตะวันตกต้องไปดูการเชื่อมต่ออุโมงค์ระบายน้ำระหว่างคลอง โดยเฉพาะคลองไส้ไก่ที่จะออกแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งมีโค้งอยู่สามสี่โค้ง ต้องทำอุโมงค์และใช้งบประมาณหลายหมื่นล้าน และคลองในด้านตะวันออกที่ผ่านจากแม่น้ำป่าสักลงมายังแม่น้ำตะวันตกมาลงอ่าวไทย บางส่วนผ่านพื้นที่เกษตรกร ผ่านที่อยู่อาศัยที่ขวางทางน้ำนั่นคือปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไข ขอให้เข้าใจวิธีการทำงานด้วย ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำ เพราะทุกอย่างไม่เป็นไปตามผังเมืองที่ผ่านมา ตนไม่ได้ว่าใคร กรุณาไปดูด้วย ท่านก็มาโทษรัฐบาลนี้ตลอดเวลา แต่ตนจะทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น และเราต้องร่วมมือกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน