“พริษฐ์” ย้ำ สสร. ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ชง แบ่ง สสร. 3 ประเภท-บัตรเลือกตั้ง 3 ใบ ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์-กลุ่มความหลากหลาย

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2566 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวกรณีนายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทําประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ระบุมีข้อเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ทั้งหมด 100 คน

แบ่งเป็น 77 คนมาจากการเลือกตั้ง (จังหวัดละ 1 คน) และ 23 คนที่คัดเลือกโดยรัฐสภา จากกลุ่มผู้มีความเชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์ กลุ่มความหลากหลาย ซึ่งจะทำให้เป็น สสร. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด

โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนและพรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรถูกร่างโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพราะจะทำให้กระบวนการมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยมากที่สุด รวมถึงเปิดกว้างมากที่สุดต่อความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย และการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกกลุ่ม

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เราเห็นต่างกันได้ว่า สสร. ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่ แต่ตนคิดว่าต้องตั้งหลักกันให้ชัดว่าเราไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่าง “การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด” กับ “การมี สสร. ที่มีพื้นที่ให้กับผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์-กลุ่มความหลากหลาย” เพราะเราสามารถมีทั้ง 2 อย่างได้ หากเราต้องการ ผ่านการออกแบบระบบเลือกตั้ง

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถึงแม้เรายอมเดินหน้าตามสมมติฐานว่าเราต้อง “รับประกัน” พื้นที่ให้กับผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์-กลุ่มความหลากหลาย ใน สสร. ทั้งที่ความจริงสมมติฐานนี้ยังมีคนที่มีความเห็นที่แตกต่าง เช่น บางคนมองว่าผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์ไม่จำเป็นต้องอยู่ใน สสร. แต่ให้อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่าง

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า บางคนมองว่ากลุ่มดังกล่าวก็ควรจะลงสมัครรับเลือกตั้งผ่านกระบวนการเดียวกับคนทั่วไป เราสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ โดยยังคงหลักการว่า สสร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด

นายพริษฐ์ กล่าวว่า กรอบคิดสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกความเป็นไปได้ คือ การมองว่า สสร. ไม่จำเป็นต้องมี สสร. ประเภทเดียว แต่อาจประกอบไปด้วย สสร. ที่แบ่งออกเป็นหลายประเภทที่ล้วนมาจากการเลือกตั้ง คล้ายกับ สส. ที่ปัจจุบันมีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สส.แบบแบ่งเขต และ สส.แบบบัญชีรายชื่อ

โดยทางเลือกหนึ่งคือการแบ่ง สสร. ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภท ก. = สสร. ประเภทตัวแทนพื้นที่ ประเภท ข. = สสร. ประเภทตัวแทนผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์ เช่น นักวิชาการด้านกฎหมาย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ ผู้มีประสบการณ์การเมืองในระบบ ผู้มีประสบการณ์การเมืองภาคประชาชน

และประเภท ค. = สสร. ประเภทตัวแทนกลุ่มความหลากหลาย เช่น เยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มคนพิการ

โดย สสร. ทั้ง 3 ประเภทนั้นมาจากการเลือกตั้งทางตรงทั้งหมด โดยใช้วิธีให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่ละคน มีบัตรเลือกตั้งทั้งหมด 3 ใบ ได้แก่ บัตรเลือกตั้ง ก. = เลือก สสร. ประเภทตัวแทนพื้นที่ โดยอาจใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง

บัตรเลือกตั้ง ข. = เลือก สสร. ประเภทตัวแทนผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์ โดยเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์ที่สนใจเป็น สสร. และผ่านคุณสมบัติที่กำหนด สมัครเข้ามา เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์ และเปิดให้ประชาชนเลือกผ่านคูหาเลือกตั้ง

บัตรเลือกตั้ง ค. = เลือก สสร. ประเภทตัวแทนกลุ่มความหลากหลาย โดยเปิดให้ประชาชนที่สนใจเป็น สสร. ตัวแทนกลุ่มความหลากหลาย สมัครเข้ามาโดยระบุในกระบวนการสมัครและการรณรงค์หาเสียงว่า ตนเป็นตัวแทนกลุ่มความหลากหลายกลุ่มใดหรือในมิติใด โดยจะกำหนดหมวดหมู่ต่างๆ เป็นการเฉพาะหรือไม่ก็ได้ เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เป็นตัวแทนกลุ่มความหลากหลายต่างๆ และเปิดให้ประชาชนเลือกผ่านคูหาเลือกตั้ง

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ระบบเลือกตั้งแบบนี้ เป็นเพียงระบบหรือวิธีหนึ่งที่จะทำให้เรามี สสร. ที่มีตัวแทนผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์-กลุ่มความหลากหลายได้ โดยที่ สสร. ทุกคนยังคงมาจากการเลือกตั้ง 100% นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายระบบหรือวิธีที่เป็นไปได้เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์เดียวกัน

ซึ่งทางคณะอนุกรรมาธิการภายใต้คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนราษฎร ที่ตนเป็นประธาน ได้ศึกษา จัดทำข้อเสนอ และกำลังเรียบเรียงเป็นรายงาน เพื่อส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี และประชาชน พิจารณาอย่างเป็นทางการในต้นเดือนม.ค.

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจดีว่าเรามีจุดยืนที่ต่างกันได้ว่า สสร. ควรจะมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งความจริงพรรคก้าวไกลเสนอให้เป็น 1 คำถามรองในการทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจโดยตรง แต่โปรดอย่าใช้เหตุผลว่าเราต้องมีพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์-กลุ่มความหลากหลาย ในสสร. มาเป็นเหตุผลในการบอกว่าเราไม่ควรมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด

“เพราะหากเราออกแบบระบบเลือกตั้งกันอย่างรอบคอบ เราสามารถมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ที่ยังคงมีพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญ-ผู้มีประสบการณ์-กลุ่มความหลากหลายได้ หากเราประสงค์ให้มี โดยไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง” นายพริษฐ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน