เปิดใจ ‘มาดามเนเน่’ จากเด็กแฟลต นอนดมกลิ่นขยะ หวิดถูกข่มขืน พบรักคุณหมอชาวอิตาลี ‘ชุบชีวิต’ สู่ระดับไฮคลาส กลายเป็นมาดามในต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.67 มาดามเนเน่ อายุ 36 ปี เจ้าของเพจ ‘เมียหมออิตาลี‘ เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์‘ ถึงชีวิตที่เหมือนนิยายของเธอ ที่ ป่วยเป็นโรคหัวใจ และเจอแฟน ชาวอิตาลีที่เป็นหมอโรคหัวใจ เข้ามาช่วยรักษาอาการป่วยของเธอแล้วชุบชีวิต จากเด็กที่โตมาในแฟลต กลายเป็นมาดามในต่างประเทศ

มาดามเนเน่ กล่าวว่า ตนเกิดและโตที่ดินแดนชาวแฟลต ซึ่งเป็นลูกคนกลาง มีพี่สาวและน้องสาว โดยตนเป็นโรคเส้นเลือดในหัวใจโตผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งไม่สามารถผ่าตัดรักษาได้ เพราะว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก และที่บ้านไม่มีกำลัง ตนก็พยายามดิ้นรนหางานทำระหว่างเรียนมาตลอด เนื่องจากเห็นแม่ทำงานหนัก มีครั้งหนึ่งเรา ไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่โรงแรมหรู แล้วดันไปทำเบียร์หกใส่คุณผู้หญิงท่านหนึ่ง ก็ทำให้ตนโดนตำหนิ

ตอนนั้นก็คิดในใจแล้วว่า ทำไมเราถึงไม่ได้มีชีวิตที่หรูหราแบบนี้ มันมีชีวิตแบบนี้ด้วยหรอ แล้วก็หันกลับไปมองตัวเองที่อาศัยอยู่ในแฟลต ที่ข้างหน้าห้องได้กลิ่นของขยะชัดเจน ก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า เมื่อไหร่เราจะมีชีวิตแบบนี้บ้าง ทำไมเงินไม่พอใช้สักที ยิ่งเราดิ้นรนเท่าไหร่ มันก็เหมือนออกห่างจากตัวเรามากเท่านั้น

มาดามเนเน่ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นเราก็ดิ้นรนทำงานอย่างหนัก เพื่อนแนะนำให้ไปเป็นพริตตี้ เพราะว่าได้เงินเยอะ แต่ปรากฏว่าเราได้เป็นพริตตี้อาหารหมา ตนก็ปฏิเสธไป จนกระทั่งมาทำงานประจำ ก็ทำงานเก็บเงินมาเรื่อย ๆ ซึ่งที่ผ่านมาทุกวินาทีชีวิตเราเต็มที่หมดเลยเพราะ คนที่เป็นโรคหัวใจ มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้

ดังนั้นที่ผ่านมา เราอยากทำอะไรทำ ใช้ชีวิตให้คุ้มโดยที่ไม่เสียดายภายหลัง มีช่วงนึงที่เรารู้สึกเหนื่อยมาก ก็เลยใช้เก็บก้อนสุดท้าย เพื่อไปเที่ยวพักผ่อน อยากไปใช้ชีวิตดูสักครั้ง เพราะเราไม่เคยเห็นภาคใต้มาก่อน เลยตัดสินใจนั่งรถรถไฟจากกรุงเทพไปลงสุราษฎร์ธานีคนเดียว

เมื่อเราไปถึงเกาะพะงัน กับเพื่อนก็ไปเช่าห้องเล็กๆ ก็ดันไปเจอฝรั่งเมาจะบุกเข้ามาข่มขืน ฝรั่งมากั้นไม่ให้เดินออกไปจากห้อง ในขณะที่เพื่อนก็รู้สึกเสียสติแล้ว ตกใจมาก เพราะว่าฝรั่งพูดชัดเจนว่า “จะไปไหน ไปไม่ได้ ต้องให้ฉันเอาก่อน” เพื่อนของเราก็พยายามปฏิเสธแล้วบอกว่า “สิ่งที่คุณทำคือไม่ให้เกียรติกันเลย อย่ามาทำแบบนี้นะ” แต่ฝรั่งดูไม่สนใจ จะบุกเข้ามาอย่างเดียว

ตนเลยพยายามเกลี้ยกล่อมฝรั่ง โดยการหว่านล้อมว่าเดี๋ยวจะออกไปซื้อของแป๊บนึง ให้คุณรอฉันเดี๋ยวฉันจะกลับมานอนกับคุณ หลังจากนั้นฝรั่งคอยตามแล้วปล่อยให้เราออกมาจากห้อง เมื่อออกมาได้ก็รีบไปแจ้งพลเมืองดีทันทีว่า เราเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ก็เคยเป็นข่าวอยู่ช่วงหนึ่ง

มาดามเนเน่ กล่าวว่า ตอนนั้นรู้สึกว่าเจอแต่อะไรสวยงามๆ จึงตัดสินใจนั่งรถบัสไปภูเก็ต เพื่อจะไปดูเกาะพีพี แต่ปรากฏว่าฝนมันตกพายุเข้า เพื่อนเลยแนะนำว่าถ้าไปดูตอนนี้มันก็คงจะไม่สวย แต่ตนก็พยายามดั้นด้นไปดูความสวยงามของเกาะพีพีจนได้

จากนั้นเมื่อดูเสร็จก็กำลังจะไปซื้อข้าวที่ร้านค้า ปรากฏว่าเจอแฟนของตนกำลังเดินสวนมาพอดี แล้วเขาก็เป็นฝ่ายทักทายเราก่อน ถามว่า “จะไปไหน” ซึ่งตอนนั้นวินมอเตอร์ไซค์ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาเลยว่า “เอาแล้วได้ราคาเท่าไหร่” เราจึงรีบปฏิเสธไปว่า “ไม่ได้มาขาย”

โดยแฟนของตนบอกว่า ฉันกำลังจะไปกินข้าวอยู่พอดีเลย ขอเดินไปด้วยได้ไหม ไปกินข้าวด้วยกัน จากนั้นแฟนก็แสดงออกชัดเจนว่า เธอกับฉันแล้วเพื่อนเธอก็ไปกับเพื่อนฉัน ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจว่าเค้าเลือกแบบนี้เลยหรอ

ซึ่งในจังหวะเดียวกันจนเหลือบไปเห็นนาฬิกาข้อมือโรเล็กซ์ และอยากจะเช็คว่าเป็นของจริงหรือไม่ ก็เลยแกล้งถามไปว่า ตอนนี้เป็นเวลากี่โมง แต่แฟนตอบกลับมาว่าไม่สามารถดูนาฬิกาที่ไทยได้ เพราะว่าไม่ได้เปลี่ยนรอบนาฬิกา ตอนนั้นตนก็รู้เลยว่าน่าจะเป็นของจริง ก็เลยตัดสินใจลองไปกินข้าวด้วยกันดู

เมื่อไปกินข้าวด้วยกันก็ได้พูดคุยกันตามปกติทั่วไป และแฟนก็อยากจะขอเบอร์เพื่อติดต่อกับเราอีก ซึ่งตนก็บอกว่าโทรศัพท์เสีย จากนั้นจู่ๆ แฟนก็อาสาจะซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้ แต่ตนรีบปฏิเสธไป เพราะไม่ได้จะหวังเอาทรัพย์สินอะไรอยู่แล้ว

สุดท้ายแฟนก็ติดต่อเพื่อนของตนมา แล้วก็ชวนกันไปทานข้าวอีก หลังจากนั้นเราก็ได้รับรู้ว่าเขามีอาชีพเป็นหมอหัวใจอยู่ประเทศอิตาลี แต่ตนก็ไม่ได้บอกอีกฝ่ายไปว่าเรากำลังเป็นโรคหัวใจพอดี ก็พูดคุยกันจนเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้น

“แฟนขอเราอยู่ที่ภูเก็ตต่อ เพราะว่ารู้สึกดีกับเราจริงๆ เราก็เลยอยู่ด้วยกันมาเรื่อยๆ เมื่อตอนที่เรากอดกัน เค้าเอียงหูมาฟังเสียงหัวใจของเรา แล้วถามว่าทำไมเสียงหัวใจของเราเป็นแบบนี้ เราจึงบอกเขาว่าเราเป็นโรคหัวใจ จากนั้นแฟนก็ถามว่าอยู่มาได้ยังไงถึง 28 ปี เราก็บอกเขาไปว่า เราไม่มีเงินรักษา อีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาต่อว่า ไม่เป็นไรนะ ฉันเป็นหมอหัวใจ ฉันจะรักษาเธอให้หาย

ในตอนนั้นเรารู้สึกว่าเค้าพูดเล่น คงไม่ได้จริงจังอะไร และต่อมาเขาก็บินกลับไป พร้อมกับทิ้งเงินให้ตนประมาณ 1 แสนบาท ในใจคิดว่าคงจะไม่ได้คุยกันต่อแล้ว แต่หลังจากที่เค้าอยู่ที่อิตาลีและเราอยู่ที่ประเทศไทย ก็คุยกันทางโซเชียลเรื่อยๆ จนเกิดความรู้สึกดีกัน แฟนก็อยากให้เรามาอยู่ด้วยกัน” มาดามเนเน่ กล่าว

แฟนขอให้เราไปตรวจโรคหัวใจที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ว่า ตรวจแล้วเป็นยังไงบ้าง ซึ่งแฟนก็เช็คผลแล้วก็เข้าใจในอาการป่วยของตนดี ก่อนที่จะถามว่าอยากจะรักษาที่ไหน ซึ่งตอนนั้นตนยังไม่รู้เลย เพราะว่าค่าใช้จ่ายสำหรับรักษา ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์คือประมาณ 3-4 แสนบาท

ยังไม่รวมกับค่านอนที่โรงพยาบาลด้วย ถ้ารวมคงจะแตะ 1 ล้านบาท แต่แฟนรู้สึกเป็นห่วงอยากจะดูแลเอง และอีกฝ่ายจึงถามว่า “เธอจะแต่งงานกับฉันไหม?” ตอนแรกตนนึกว่าพูดเล่น แต่ปรากฏว่าอีกฝ่าย อยากจะแต่งงานกันจริงๆ

ไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริงเพราะว่า เราใช้เวลาอยู่ที่ภูเก็ตด้วยกันประมาณ 3 วัน และอยู่กรุงเทพด้วยกันอีกครึ่งวัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะบินกลับไปประเทศอิตาลี แล้วก็คุยกันทางโซเชียลไม่ถึงเดือน แฟนก็ขอแต่งงานเลย โดยแฟนบอกว่าฉันขาดเธอไม่ได้ และฉันรักเธอจริงๆ

ตอนนั้นเรารู้สึกว่าแฟนเป็นคนจริงใจมาก มันมีความรู้สึกว่าคนนี้แหละที่ทำให้ฉันอยากจะแต่งงานด้วย จากนั้นไม่นานก็ดำเนินการเรื่องทำวีซ่า และเอกสารย้ายที่อยู่ไม่เกินหนึ่งเดือน แฟนก็บินกลับมารับเราที่ประเทศไทยและมาทำพิธีสู่ขอกับพ่อกับแม่ของตน

“พอมาอยู่ที่ประเทศอิตาลีก็รู้สึกเหมือนชีวิตยกระดับติดสปริง แต่ก่อนเราอยู่ในชุมชน แต่ตอนนี้เราอยู่ในระดับไฮคลาส ที่ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก มาเจอสามีคนนี้ก็ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 เพราะเขารักษาหัวใจเราและทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีรถหลายคัน นาฬิกาโรเล็กซ์ ได้ไปเที่ยวในที่ที่ดี ทำให้เราแข็งแรงมากขึ้น ความคิดของเราก็แข็งแรงด้วย

เพราะเมื่อได้อยู่กับคนรวยจริงๆ ที่รวยทั้งฐานะและความคิด ไม่มีใครโชว์ทรัพย์สิน มีแต่คนเงียบ แฟนของเราสอนให้เราเก็บเงิน ต้องทำงาน คนรวยไม่มีใครขี้เกียจ มีแต่คนขยัน ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ถ้าหากว่าคุณอยากได้เงินคุณก็ต้องทำ” มาดามเนเน่ กล่าว

ยอมรับว่าตอนแรกไม่รู้เลยว่า สามีมีฐานะขนาดนี้ เราตัดสินใจมาอยู่กับเขาเพราะเห็นว่าเค้าจริงใจ และมันเกิดความรักกันขึ้นมาเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงที่ประเทศอิตาลี สามีก็ค่อยๆ เฉลยทีละนิด ทีละหน่อยว่ามีทรัพย์สินเป็นตู้เซฟเล็ก ตู้เซฟใหญ่ มีบ้าน มีธุรกิจ และอีกมากมาย เมื่อเรามาอยู่ที่นี่เราก็คอยดูแลสามีเป็นหลัก แล้วก็ช่วยดูธุรกิจเล็กๆน้อยๆของสามีด้วย

“ถ้าหากจะเปรียบเทียบความรักของเรากับสามี มันก็คงเหมือนกับว่า เราเป็นซินเดอเรลล่า แล้วสามีเป็นนางฟ้าอุปถัมภ์ ที่ไม่คิดว่าจะมี วันนึงเค้าออกมาให้เราเห็น มาช่วยทำให้เราดีขึ้น ในตอนนี้ความรักของเรากับสามีเหมือนเป็นรักที่ขาดกันไม่ได้ เป็นความรักที่มีแต่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน” มาดามเนเน่ กล่าว

ทั้งนี้ ตนไม่ได้ไปมูเตลูที่ไหน ไม่มีเครื่องรางของขลัง แต่เป็นคนชอบเข้าวัดทำบุญ และชอบล้างห้องน้ำวัดอยู่เสมอ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน