ThePrince ศตวรรษ อินทรายุธ ผู้จัดการทีม KOG Diamond Cobra เปิดใจถึงความรู้สึกหลังทีมเพิ่งประกาศแยกทางกับ JJak ชิน ชางฮุน และ Sun คิม ซอนอู 2 ผู้เล่นชาวเกาหลีใต้ ออกจากทีมเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่การแข่งขันอีสปอร์ต เกม ROV รายการ โปร ลีก 4 จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า

 

โดยผู้จัดการทีมงูเห่าเพชร บอกเล่าถึง 2 ผู้เล่นเลือดโสมขาวที่ย้ายเข้ามาเสริมทีมก่อนฤดูกาลที่ผ่านมา ก่อนจะมีส่วนร่วมในการคว้าแชมป์โปร ลีก 3 ว่าการเข้ามาของทั้งสองคนนั้นเปลี่ยนแปลงทีมไปอย่างไรบ้าง และทั้งJJak และ Sun ได้เรียนรู้อะไรจากทีมนี้บ้าง

ThePrince

“สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ทั้ง 2 คน เข้ามาเป็นสมาชิกของเรา คือ เรื่องของความจริงจังและการจัดการกับเวลา ทั้งคู่ คือ ตัวอย่างในเรื่องของคนที่มีความพยายาม เป็นคนที่ตั้งใจมาก และบางทีพวกเขาอาจจะยังใช้ความพยายามและความตั้งใจได้ไม่เต็มที่ด้วย เพราะความทุ่มเทของหลายๆคนอาจจะไม่ได้เท่ากัน ก่อนหน้านี้ทั้งอาจจะเคยซ็อมหนักมากกว่านี้อีก เหมือนกับเรื่องเล่าที่เราเคยได้ยินว่าพวกนักแข่งเกาหลีมีชีวิตหลังฉากที่ค่อนข้างหนัก

เหมือนเขาเป็นคนที่คิดเรื่องของเกมและการแข่งอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายเราก็มีการปรับจูนกันให้มีความพอดี เพราะแน่นอนว่าธรรมชาติของคนไทยกับคนเกาหลีไม่เหมือนกัน คนเกาหลีอาจจะรับมือกับความกดดันได้ดีกว่า ซึ่งตอนนี้เด็กไทยก็ได้รู้เรื่องพวกนี้มากขึ้นด้วย”

“เดิมทีทีมเรามีตารางเวลาและรูปแบบการซ้อมอยู่แล้ว แต่พอ JJak ซึ่งเข้ามาควบตำแหน่งผู้เล่นและโค้ชด้วย ทำให้เขาจะเป็นคนที่คอยดูแลเรื่องในแคมป์คอยกำหนดเวลาว่าต้องซ้อมตั้งแต่เมื่อไรจนถึงเมื่อไร อยากซ้อมกับทีมไหนบ้าง และรวมถึงระเบียบวินัยที่เข้มข้นขึ้นจากเดิมที่บางครั้งเราอาจจะหยวนๆไปบ้าง แต่ JJak เป็นคนนำเรื่องบทลงโทษเข้ามา ทำให้ทุกคนเริ่มกลัวการมาสาย หรือ ผิดกฎ ระบบต่างๆของเราจึงมีความจริงจังมากขึ้น”








Advertisement

“ก่อนหน้านี้ทั้ง JJak และ Sun มีความตั้งใจตั้งแต่ยังไม่ได้มาอยู่กับเราว่า ถ้าเขามาแล้วเขาจะต้องทำตัวให้ตัวเองเป็นตัวอย่างกับคนอื่นๆ คอยสร้างมาตรฐานโดยนำประสบการณ์ที่พวกเขาเคยมีมาปรับใช้ ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เห็นผลชัดเจนที่สุด และแน่นอนว่าจากนี้เราก็จะยังนำแนวทางของพวกเขามาใช้กับทีมต่อไป”

เกาะติดข่าวกีฬา แค่กดติดตาม ไลน์@ข่าวสดกีฬา ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“นอกจากนี้ยังมีเรื่องในเกม รวมถึงวิธีการเล่นต่างๆ จริงๆฝั่งผู้เล่นคนไทยเราก็มีแนวทางการเล่นของตัวเอง เพราะแต่ละคนเองก็มีประสบการณ์มาพอสมควรเหมือนกัน แต่พอทั้ง 2 คนเข้ามา เราก็ได้เปิดมุมมองมากขึ้น ได้เข้าใจในบางสิ่งที่ตอนแรกเราตั้งข้อสงสัยว่าทีมนั้นทำได้อย่างไร รวมถึงเรื่องรายละเอียดที่มากขึ้น อย่างเช่นการนับเวลาว่ามินเนียนเดินจากบ้านไปถึงป้อมไหนใช้เวลาเท่าไร”

“กลับกันเชื่อว่าทั้ง 2 คนเองก็ได้เรียบรู้จากทีมเราเหมือนกัน ส่วนตัวมองว่ามีบางครั้งที่เขาอาจจะซีเรียสเกินไป แต่เข้าใจว่าเขาทุ่มเทกับทุกอย่างที่ทำ แต่แน่นอนว่าอะไรที่มันตึงเกินไป หรือ หย่อนเกินไป ต่างก็ไม่ใช่ผลดี อย่างไรก็ตามทีมเรามีการพูดคุยกันเสมอเพื่อปรับจูนเข้าหากัน ทำให้เราต่างได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน”

ความรู้สึกที่มีต่อทั้งสองคน และคำอวยพรถึงอนาคตข้างหน้า

“ก่อนหน้านี้ตอนที่ยังไม่ได้มาอยู่ด้วยกัน เรารู้สึกว่าทั้งคู่มีออร่าของการเป็นแชมป์โลก เลยอาจจะรู้สึกเกร็งในการเข้าไปคุยด้วย กังวลว่าเขาจะไม่อยากคุยด้วยรึเปล่า แต่พอได้รู้จักกันแล้ว ทั้งคู่ไม่มีความคิดแบบนั้นเลย และเป็นคนที่มีความเฟรนด์ลีพอสมควร จริงๆแฟนคลับหลายๆคนอาจจะเห็นว่าเขาอาจจะไม่ค่อยเฮฮาเท่าไร แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากคุยด้วย แต่ด้วยเรื่องของภาษาอังกฤษที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้แข็งแรงมาก เลยอาจจะดูเขาถึงยาก แต่จริงๆแล้วทั้งสองคนมีความเป็นมิตรมากๆ”

“เส้นทางต่อจากนี้ยังไม่แน่ใจว่าทั้งสองคนจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป แต่พูดถึงประสบการณ์ที่พวกเขามีก่อนหน้านี้ และสิ่งที่ได้เรียนรู้ร่วมกันตลอดซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งช่วงเวลาที่ดี หรือ เวลาที่เราทะเลาะกันบ้าง แต่ทุกครั้งเรามีการพูดคุยกันจนชัดเจนเสมอ ทำให้ทุกเหตุการณ์จะทำให้ทุกคนได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเสมอ สำหรับ JJak ไม่ว่าจากนี้เขาจะไปอยู่ทีมไหน ในตำแหน่งไหน ไม่ว่าจะผู้เล่น หรือ โค้ช เชื่อมั่นว่าเขาทำได้ดีกว่าเดิมแน่นอน”


“ในส่วนของ Sun แม้ว่าเขาจะอายุ 25 แต่ยังคงมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว แต่หลังจากนี้เขาน่าจะโตขึ้นและสามารถก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำให้คนอื่นๆได้ เชื่อว่าหลังจากนี้ทั้งสองคนสามารถรับมือได้กับทุกสถานการณ์ เพราะการได้มาอยู่ที่ไทยก็น่าจะเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของพวกเขาพอสมควร ขออวยพรให้ทั้งสองคนประสบความสำเร็จกับสิ่งที่ตัวเองเลือก ทั้งสองคนยังเป็นน้องของผมเสมอต่อให้จะไม่ได้อยู่ทีมเดียวกันแล้วก็ตาม”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน