เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 6 ก.ย. 2560 นักเตะทีมชาติไทยชุดใหญ่ เดินทางจากนครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย กลับประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ สุวรรณภูมิ หลังเสร็จสิ้นภารกิจในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย
ขุนพลช้างศึก พ่าย ทีมชาติออสเตรเลีย 1-2 ที่เรคแทงกูลาร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ทำให้จบศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย มี 2 คะแนนจาก 10 นัด ไม่ผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย
หลังเกม สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ผู้รักษาประตูตัวเก๋าทีมชาติไทยประกาศอำลาทีมชาติ
ขอบคุณภาพจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
โดยวันนี้ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เดินทางไปต้อนรับนักเตะและสต๊าฟโค้ช
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า “หลังจากทีมชาติไทย ไปแข่งขันแมตช์สุดท้ายกับ ออสเตรเลีย แม้เราจะแพ้ 1-2 แต่แฟนบอลและตัวผมเองประทับใจการเล่นของนักฟุตบอลทีมชาติไทย เราเห็นได้ว่าวิธีการเล่นของทีมชาติไทยมีการเปลี่ยนแปลง และมีการพัฒนาที่ดีขึ้น”
“เกมนี้ทุกคนเล่นอย่างเต็มที่ และพยายามสุดความสามารถ ถึงแม้เราจะเป็นรองทีมชาติออสเตรเลียทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง มาตรฐานการเล่น หรืออันดับในฟีฟ่าแรงกิ้งของออสเตรเลีย ซึ่งเขาเคยผ่านการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วหลายครั้ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ทีมชาติไทย จะสามารถไปชนะ ออสเตรเลีย ได้ในบ้านของเขา”
“แฟนบอล ออสเตรเลียเองก็คาดหวังว่าจะยิงประตูทีมชาติไทยได้หลายประตู และผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย โดยอัตโนมัติ สุดท้ายผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามคาด ซึ่งทีมชาติไทยมีการพัฒนาขึ้น ไม่ใช่ทีมใดจะชนะง่ายๆ ซึ่งต้องบอกว่าทีมงานสตาฟฟ์โค้ช และนักฟุตบอลทำเต็มที่แล้ว มันเป็นประสบการณ์ที่นักเตะทุกคนต้องนำไปคิด เพื่อปรับปรุง เชื่อว่าหากเรามีเวลาการเตรียมทีมมากกว่านี้ จะทำให้ทีมชาติไทยพัฒนามากขึ้นต่อไป”
“ผมเองในฐานะนายกสมาคมฯ เตรียมเงินไว้ 3 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ แม้จะแพ้ แต่แพ้แบบประทับใจ เราต้องให้กำลังใจกัน อยากจะฝากบอกแฟนบอลชาวไทยนะครับว่า ลูกหลานของท่านกำลังพัฒนาขึ้น จากนี้เราจะมีการเตรียมพร้อม ด้วยการหาทีมที่แข็งแกร่งมาอุ่นเครื่องในช่วงฟีฟ่าเดย์ และส่งทีมในเล่นทัวร์นาเมนต์ต่างๆ เพื่อให้น้องๆ สร้างสมประสบการณ์ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง รวมทั้งได้ฝึกฝนตัวเองให้ดียิ่งขึ้นต่อไป”
สำหรับโปรแกรมต่อไป ทีมชาติไทย จะเดินทางไปอุ่นเครื่องพบกับ ทีมชาติเมียนมา ภายใต้ปฏิทินฟีฟ่าเดย์ วันที่ 5 ตุลาคม 2560
