“บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานประชุมสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ครั้งที่ 2/2561 ที่ห้องประชุมสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชั้น 1 ศูนย์กีฬาหัวหมาก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์

พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า วาระสำคัญที่นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมเรื่องแรกคือ การขออนุมัติในการจัดหาบริษัทเข้ามาดำเนินการระบบไอที เพื่อควบคุมดูแลเอกสารข้อมูลของสมาคมในระบบเปเปอร์เลส หรือลดการใช้กระดาษให้น้อยลง เรื่องต่อมาเป็นการแก้ไขข้อบังคับสมาคมบางข้อ ซึ่งเห็นสมควรว่าจะต้องปรับปรุงในเรื่องการตั้งที่ปรึกษานายกสมาคมที่จะให้นายกสมาคมเป็นผู้เสนอชื่อต่อสภากรรมการ และไม่จำเป็นต้องเสนอชื่อต่อที่ประชุมใหญ่สามัญ

อีกเรื่องเป็นเรื่องการตั้งงบประมาณรายปีที่สมาคมจะต้องใช้ในการดำเนินการ ซึ่งได้มีการประเมินรายได้ และรายจ่าย เพื่อไม่ให้มีการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนยอดตัวเลขติดลบ เนื่องจากสมาคมไม่เหมือนหน่วยงานของรัฐที่จะมีรายได้หลักจากสปอนเซอร์ที่มีความไม่แน่นอนตามภาวะเศรษฐกิจ จึงจะต้องมีการคิดวางแผนการใช้เงิน

นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สมาคมยังได้ปลดหนี้สินจากการบริหารงานของผู้บริหารสมาคมชุดเก่าที่ได้ชำระเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกบาททุกสตางค์ ทั้งการจ่ายภาษีกับกรมสรรพากร รวมทั้งเจ้าหนี้ต่างๆ จากการทำธุรกรรมของผู้บริหารชุดก่อน ทั้งกับโรงแรม, ร้านอาหาร, บริษัท และเอเยนซี่ตั๋วเครื่องบิน

“เราได้พูดคุยเจรจาขอลดหย่อนกับเจ้าหนี้ต่างๆ และดำเนินการถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งหลังจากจ่ายหนี้หมดแล้วเรายังมีเงินเหลือกว่า 3-4 ร้อยล้านบาท ที่ได้นำไปใช้พัฒนาวงการฟุตบอล ทั้งการอบรมโค้ชเพิ่มขึ้น, การอบรมผู้ตัดสินในประเทศ-ต่างประเทศเพิ่มขึ้น, การสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอล และเงินช่วยเหลือสโมสรต่างๆ ที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น จาการใช้จ่ายอย่างประหยัด โปร่งใส ไม่รั่วไหล และตรวจสอบได้” บิ๊กอ๊อดกล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อคำนวณคร่าวๆ แล้วสมาคมชุดเก่าควรจะมีเงินเหลือในการพัฒนาวงการฟุตบอลราว 3-4 ร้อยล้านบาท แต่ไม่ทราบว่าทำไมในอดีตมีการบริหารเงินไม่เพียงพอ และเงินในส่วนนี้หายไปไหนหมด เพราะเงินส่วนนี้สามารถนำมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทยได้ โดยเรื่องนี้ก็จะมีการชี้แจงตัวเลขที่ชัดเจน ทั้งการใช้เงินในอดีต และการจ่ายภาระหนี้สิน รวมทั้งเงินคงเหลือให้กับที่ประชุมใหญ่สามัญในช่วงเดือนเมษายนนี้ด้วย

“เมื่อเรามีเงินคงเหลือในส่วนนี้เราก็จะนำไปคิดทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อวงการฟุตบอล ซึ่งในอนาคตก็จะต้องมีการหารือกันว่าจะควรสร้าง ฟุตบอล สเตเดียม หรือไม่ ซึ่งผมได้เข้ามาบริหารสมาคมในการใช้จ่ายเงินอย่างถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ อนาคตไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารสมาคมต่อจากผมก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ทันที” นายกลูกหนังไทยกล่าว

ส่วนกรณีที่“บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าให้ปากคำในฐานะพยานตามหมายเรียกดีเอสไอ กรณียืมเงิน 300 ล้านบาทจากนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า มีเรื่องเอกสารที่ดีเอสไอต้องการก็ได้มีการเตรียมไว้ทุกอย่างแล้ว

“เรื่องนี้ไม่มีการฟังผลนะครับ ผมเป็นพยาน ผมไม่ใช่ผู้ต้องหา จริงๆ ผมจะไปหรือไม่ไปก็ยังได้ ผมไปให้ถ้อยคำในฐานะพยายาน ไม่ใช้ไปให้การฐานะผู้ต้องหา เพราะฉะนั้นอะไรที่ผมให้ได้ ผมก็ให้ อะไรที่ผมไม่อยากให้ ผมก็ไม่ให้ เพราะว่าพยานก็มีกฎหมายคอยดูแลอยู่” อดีตผบ.ตร.กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน