‘ในหลวง’ทรงห่วงใยพสกนิกร

รับสั่งอย่าให้อึดอัดข้อบังคับ

‘พระราชวงศ์’ ทั่วโลก พร้อมผู้นำชาติต่างๆ 32 ประเทศร่วมพระราชพิธี 26 ต.ค. ปลื้มปีติ ‘ในหลวง’ ทรงห่วงใยพสกนิกรที่มาร่วมถวายพระเพลิง ‘ในหลวงรัชกาลที่ 9’ ทรงไม่ประสงค์ให้รู้สึกอึดอัดกับข้อบังคับ กฎเกณฑ์ต่างๆ มากมาย ทรงมีรับสั่งให้ดูแลประชาชนอย่างดี จิตอาสาต้องพูดคุยด้วย น้ำเสียงสุภาพ ‘สมเด็จพระเทพฯ’ ทรงประกอบพิธีบวงสรวงสังเวยการจัดทำเครื่องสดประดับ ‘พระจิตกาธาน’ ด้านสถานทูต สถานกงสุลไทยทั่วโลก 94 แห่งจัดสถานที่ พิธีสำหรับ คนไทยในต่างแดนถวายดอกไม้จันทน์

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาต ให้สำนักพระราชวังจัดทำซุ้มประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างประตูวิเศษไชยศรี และประตูมณีนพรัตน์ ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ประชาชนได้ถวายสักการะต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงเช้ามีประชาชนแต่งกายด้วยชุดสีดำสุภาพ เดินทางมาพร้อมกับพวงมาลัยดอกไม้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มมากขึ้นตลอดทั้งวัน นับเป็นวันที่ 9 หลังจากเปิดให้ถวายสักการะ

เจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กมากั้นตั้งแต่จุดคัดกรองบริเวณประตูท่าช้างจนถึงถนนหน้าศาลหลักเมือง เพื่อแบ่งเลนถนนให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และเปิดจุดคัดกรองทั้ง 2 จุด ที่บริเวณประตูท่าช้าง และประตู คัดกรองริมคลองหลอด ระหว่างถนนศาล หลักเมืองกับกระทรวงกลาโหม

เวลา 09.01 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากวังสระปทุมไปยังโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง ในพิธีบวงสรวงสังเวยการจัดทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธาน ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

จากนั้น เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงคม ทรงเจิมโองการบวงสรวงสังเวยช่างเครื่องสดราชสำนัก เสด็จฯ ไปยังโต๊ะสังเวย ทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน ที่โต๊ะเครื่องสังเวย ทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงคม ประทับพระราชอาสน์ นายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม นายช่างศิลปกรรม ผู้ประกอบพิธีอ่านโองการบวงสรวง และนำกล่าวบทบูชาครูช่างเครื่องสด จบแล้ว ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงสุหร่ายที่เครื่องมือ เครื่องใช้ในการทำเครื่องสดพระจิตกาธาน และทรงเจิมเทวดาประดับจิตกาธาน ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย สังข์ แตร พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ เสด็จฯ ไปทรงคมที่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ทรงคมที่หน้าโต๊ะสังเวย และเสด็จฯ กลับ

นายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม นายช่างศิลปกรรม กล่าวว่าขณะนี้งานเครื่องสดเหลือเพียงแทงหยวก ทำดอกไม้ประดิษฐ์ที่เป็นดอกปาริชาต 16 ดอก ดอกไม้เฟื่อง ดอกไม้ไหว รวม 70 ดอก ในส่วนของหยวกถม พิมพ์มะละกอ ต้องทำล่วงหน้าเพียงแค่ 2 วัน หลังจากนี้จะแจกจ่ายงานให้ช่างฝีมือ 4 ภูมิภาค และช่างแทงหยวก 4 ภูมิภาค จำนวน 323 คน โดยช่างทั้งหมดได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้ามาถวายงานร่วมกับช่างหลวงราชสำนัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่างเครื่องสด ข้าราชบริพาร ครู นักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบจัดทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานจะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 19- 24 ต.ค. โดยในวันที่ 25 ต.ค. เวลา 05.30 น. งานแทงหยวก งานเครื่องสด และงานช่าง ดอกไม้สด จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ พร้อมนำขึ้นติดตั้งประกอบพระจิตกาธานที่พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง ให้แล้วเสร็จก่อนเวลา 16.00 น.

ที่กระทรวงการต่างประเทศ น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่าสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศทั่วโลก ทั้ง 94 แห่ง กำหนดเวลา และสถานที่จัดพิธีเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนใดที่ตั้งอยู่ในเขตเวลาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกับประเทศไทย จัดในเวลา 17.30 น. ส่วนประเทศในเขตเวลาห่างกับไทย จะจัดพิธีในเวลาที่เหมาะสม แต่จะไม่จัดก่อนพระราชพิธีในประเทศไทย

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า โดยนางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะเชิญหีบเพลิงพระราชทานไปยังสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ 94 แห่งทั่วโลก เพื่อไปใช้ประกอบพิธีถวายดอกไม้จันทน์วันที่ 26 ต.ค. โดยก่อนหน้านี้ สำหรับสมาชิกพระราชวงศ์ ผู้นำและผู้แทนจากนานาประเทศ ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมงานพระราชพิธีนั้น เบื้องต้นได้รับรายงาน ณ วันที่ 18 ต.ค.ว่ามี 32 ประเทศ ตอบรับมาแล้ว

สำหรับรายพระนามพระราชวงศ์ 14 ประเทศ ที่จะเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธี มีดังนี้ 1.สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งเลโซโท 2.สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน 3.สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีตองกา 4.สมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน 5.สมเด็จพระราชินีแม็กซิมาแห่งเนเธอร์แลนด์ 6.สมเด็จพระราชินีมาธิลด์แห่งเบลเยียม 7.สมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสเปน

8.มกุฎราชกุมารเฟรเดอริกแห่งเดนมาร์ก 9.มกุฎราชกุมารฮากอน แม็กนุส แห่งนอร์เวย์ 10.แกรนด์ดยุก กีโยม ฌอง โจเซฟ มารี รัชทายาทแห่งลักเซมเบิร์ก 11.รองสมเด็จ พระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย และสุลต่านแห่งรัฐเประ และพระชายา 12.เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก แห่งสหราชอาณาจักร 13.เจ้าชาย อะกิชิโนะ และพระชายาแห่งญี่ปุ่น และ 14.เจ้าหญิงมาร์กาเรตาแห่งลิกเตนสไตน์

ส่วนรายนามบุคคลสำคัญ 18 ประเทศ 1.ประธานาธิบดีติน จ่อ แห่งเมียนมา และภริยา 2.นายบุญยัง วอละจิต ประธานประเทศลาว 3.นางฮาลิมาห์ ยาค็อบ ประธานาธิบดีสิงคโปร์ และคู่สมรส 4.เซอร์ปีเตอร์ คอสโกรฟ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯแห่งออสเตรเลียและภริยา 5.มาดามจูลี พาแย็ต ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ แห่งแคนาดา

6.นายโจเซฟ ไดสส์ อดีตประธานาธิบดีแห่งสมาพันธรัฐสวิส 7.นายคริสเตียน วูล์ฟฟ์ อดีตประธานาธิบดีสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 8.นายดัง ธิ ง็อก ธินห์ รองประธานาธิบดีเวียดนาม 9.นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา 10.นายบาร์นาบาส ซิบูซิโว ดลามินี นายกรัฐมนตรีสวาซิแลนด์

11.นายฌอง-มาร์ก อายโรลต์ อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส และภริยา 12.นายพัก จู-ซุน รองประธานรัฐสภาสาธารณรัฐเกาหลี 13.นายเจมส์ เอ็ม แมตทิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา 14.นายอลัน ปีเตอร์ แคเยตาโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฟิลิปปินส์

15.นายทิลัก มาราพานา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงนโยบายและแผนศรีลังกา และภริยา 16.นายคาวาจา มูฮัมเหม็ด อาซิฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน และภริยา 17.นายเอ็ม. เจ. อักบาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อินเดีย และ 18.อาร์กบิชอป กิอัมบัตติสตา ดีควัตโตร เอกอัครสมณทูตนครรัฐวาติกันประจำสาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล

 

ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศูนย์สื่อมวลชนพระราชพิธี อำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แถลงความคืบหน้าพระราชพิธี โดยนายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่าทุกจังหวัดตั้งกองอำนวยการร่วมงานพระราชพิธี ระดับจังหวัด เพื่อประสานงานด้านการรักษาความปลอดภัย และการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่

ในส่วนของไฟหลวงพระราชทานในพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ พระเมรุมาศจำลองนั้น ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดจัดพิธีรับไฟหลวงพระราชทานให้แก่อำเภอในจังหวัดภายในวันที่ 24 ต.ค. ที่ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่เหมาะสมต่อไป

ขณะที่นางเสาวรีย์ อัมภสุวรรณ์ ผอ.กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่าข้อควรปฏิบัติในการเข้าร่วมพระราชพิธีนั้น ประชาชนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนเมื่อเดินเท้าผ่านจุดคัดกรอง ต้องพกพาบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวไว้ตลอดเวลา

เมื่อเดินผ่านจุดคัดกรองแล้ว ประชาชนสามารถจับจองพื้นที่บริเวณทางเท้าริมถนนมหาราช ถนนสนามไชย ยาวไปจนถึงศาล หลักเมือง เฉพาะฝั่งตรงข้ามพระบรมมหาราชวังเท่านั้น ต้องอยู่ในอาการสุภาพเรียบร้อย น้อมถวายความอาลัยด้วยอาการสงบสำรวม เมื่อริ้วขบวนซึ่งประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ในริ้วขบวน ผ่าน จิตอาสาต้องถอดหมวกและก้มกราบ

ผู้แทนกรมประชาสัมพันธ์กล่าวว่าสำหรับเครื่องแต่งกาย สุภาพบุรุษต้องสวมใส่เสื้อดำ เชิ้ตดำ กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสุภาพหุ้มส้นสีดำ ส่วนสุภาพสตรีสวมใส่เสื้อดำ กระโปรงยาวสีดำคลุมเข่า หรือกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าสุภาพหุ้มส้นสีดำ ส่วนจิตอาสาแต่งชุดจิตอาสาพระราชทาน เสื้อสีดำ สวมหมวก ผ้าพันคอ กางเกง หรือกระโปรงสีดำเท่านั้น สวมรองเท้าผ้าใบได้ ตามความเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่

นางเสาวรีย์กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถนำร่ม พัด หมวก แว่นตากันแดด เพื่อกันฝนและแดดได้ ควรเป็นสีดำ หรือโทนสีสุภาพ เมื่อริ้วขบวนซึ่งประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ในริ้วขบวนผ่าน ต้องเก็บร่ม พัด หมวก แว่นตากันแดด และถวายความเคารพ ถ่ายภาพโดยใช้กล้องธรรมดาและกล้องโทรศัพท์มือถือได้ แต่ห้ามถ่ายภาพในเขตราชวัติ ขอให้พกเฉพาะสิ่งของจำเป็นเท่านั้น ทั้งอาหาร น้ำดื่ม ยาประจำตัว และเตรียมความพร้อมของร่างกาย ในส่วนของเด็กและผู้สูงอายุควรเขียนชื่อที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ของครอบครัวติดตัวไว้ด้วย

ผู้แทนกรมประชาสัมพันธ์กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมืองดพกพาอาวุธ วัตถุโลหะที่อาจเป็นอันตรายเข้าในพื้นที่เด็ดขาด งดสวมใส่ ยีนส์ เสื้อผ้ารัดรูป เสื้อแขนกุด เสื้อสายเดี่ยว งดเปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” งดแสดงอาการหยอกล้อ ควรอยู่ในอาการสำรวม งดถ่ายภาพโดยกล้องเลนส์ซูมและ งดใช้ขาตั้งกล้อง ที่สำคัญกรุณาอย่าออกนอกพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ ไม่วิ่งตัดหน้า หรือกีดขวางทางริ้วขบวน

ส่วนพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่าสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีเป็นอย่างมาก ทรงไม่ประสงค์ให้ประชาชนต้องรู้สึกอึดอัดกับข้อบังคับ และกฎเกณฑ์ต่างๆ มากมาย จนทำให้รู้สึกอึดอัด ทรงมีรับสั่งให้ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ดังนั้น หน้าที่ของจิตอาสาเฉพาะกิจ ในครั้งนี้ ต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ถ้าประชาชนกระทำเกินกว่าเหตุ จิตอาสาเฉพาะกิจต้องมีจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยกับประชาชนด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่ให้เกิดความรุนแรง

ที่บช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. กล่าวว่าเนื่องด้วยวันที่ 19 ต.ค. ตั้งแต่เวลา 22.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ บช.น.ซักซ้อมรถนำขบวนบุคคลสำคัญ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางดังนี้ ถนนเจริญนคร, ถนนกรุงธนบุรี, สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน, ถนนสีลม, ถนนเจริญกรุง, ถนนสุรวงศ์, ขึ้นด่านสุรวงศ์ ทางด่วนศรีรัช ลงด่วนอุรุพงษ์, ถนนพระราม 6, แยกอุรุพงษ์, ถนนราชดำริ, ถนนวิทยุ, ถนนเพลินจิต, ถนนสุขุมวิท,

ขึ้นด่านเพลินจิต ลงด่วนยมราช, ถนนสาทรเหนือ-ใต้, ถนนพระราม 4, ขึ้นด่านพระราม 4 ทางด่วนเฉลิมมหานคร ลงด่วนยมราช, ถนนพิษณุโลก, แยกยมราช, ถนนราชดำเนินนอก, ถนนราชดำเนินกลาง, ถนนราชดำเนินใน และบริเวณท้องสนามหลวง โดยบริเวณถนนดังกล่าวข้างต้นไม่ปิดการจราจรแต่อย่างใด เพียงแต่อาจชะลอตัวของการจราจรบ้างเล็กน้อย บช.น.จะอำนวยความสะดวกการจราจร ให้มีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

ส่วนที่อาคารโพธิญาณมหาวิชชาลัย อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีอุปสมบท 990 รูป ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อให้ข้าราชการทหาร ตำรวจ และประชาชนทั่วไป ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นการแสดงความอาลัยถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9

ขณะเดียวกัน ที่วัดบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. นายสมบัติ หรือบัวขาว บัญชาเมฆ อายุ 34 ปี นักมวยชื่อดัง เข้าพิธีอุปสมบท เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีคนในวงการมวย วงการบันเทิง ทีมงานภาพยนตร์นายทองดีฟันขาว กลุ่มนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ค่ายมวยบัญชาเมฆ และญาติ พี่น้องคนสนิทมาร่วมงาน โดยพระบัวขาว ได้รับฉายาว่า “ฐิระวิระโย” แปลว่า ผู้มีความเพียร และกำหนดบวช 9 วัน

วันเดียวกัน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนา คมแห่งชาติ (กสทช.) ออกประกาศ เรื่องการปรับโทนสีในรายการโทรทัศน์ เพื่อให้แนวปฏิบัติการออกอากาศข่าวในพระราชสำนักมีความสวยงามตามบริบทของเนื้อหา จึงขอปรับโทนสีการออกอากาศข่าวในพระราชสำนักให้เป็นไปตามสีปกติ (เช่นเดียวกับการถ่ายทอดสดงานพระราชพิธี) โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป

และเพื่อให้การออกอากาศทุกรายการไม่มีความแตกต่างในด้านของโทนสีของหน้าจอ กสทช.จึงเห็นควรให้ปรับโทนสีของหน้าจอและตราสัญลักษณ์ของช่องรายการให้เป็นสีปกติ ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.นี้เป็นต้นไป (นับตั้งแต่ข่าวในพระราชสำนัก) ส่วนข้อปฏิบัติอื่นๆ ยังคงเป็นไปตามแนวปฏิบัติเดิมที่ได้แจ้งเวียนไปแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน