กรดบงเครคิก (Bongkrekic acid) คืออะไร เติบโตในอาหารประเภทไหน มีอาการต่อร่างกายอย่างไร ทำไมอันตรายถึงชีวิต พร้อมแนะวิธีการป้องกัน

ประชาชนทั่วไปกำลังหวาดผวากับกรณีชายสองคนเสียชีวิตอย่างปริศนาจากอาการต้องสงสัยอาหารเป็นพิษไม่นานหลังจากรับประทานอาหารที่ร้านอาหารมาเลเซีย ‘โปลัม โกปิเตียม’ ในกรุงไทเป ไต้หวัน แถมพบคลัสเตอร์ผู้ป่วยอย่างน้อย 18 รายภายหลังรับประทานอาหารที่ร้านเดียวกัน

โดยผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยทาน “ฉ่าก๋วยเตี๋ยว (Char Kway Teow)” คำว่า ฉ่า (Char) มาจากภาษาจีนฮกเกี้ยน โดย “ฉ่า หมายถึง ผัด” เส้นก๋วยเตี๋ยวจะถูกนำไปผัดในกระทะด้วยความร้อนสูง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวหรือซีอิ๊วดำ

แม้ทางกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ (MOHW) ยังไม่สรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด แต่ออกมาแถลงความคืบหน้าว่า พบ “กรดบงเครคิก” (Bongkrekic acid) ในร่างกายของผู้เสียชีวิต

According to the Taipei Department of Health, eight people who dined at the restaurant in the Far Eastern Department Store in Xinyi District on March 19, 21 and 22. Among them, a 39-year-old man who ate at the restaurant on March 22 died two days later, while a 66-year-old man who ate there on March 19 died on March 27. /facebook/polamraohe/

ทีมงานข่าวสดขอเสนอ กรดบงเครคิก คืออะไร เติบโตในอาหารประเภทไหน ทำไมอันตรายถึงชีวิตเพื่อไขข้อข้องใจให้สาธารณชนชาวไทยได้ทราบถึงแนวทางในการป้องกันตัว

Bongkrekic acid อ่านว่า กรดบงเครคิก โดย Bongkrekic อ่านว่า บงเครคิก และ Acid อ่านว่า แอซิด (แปลว่า กรด) ดังนั้นรวมกันเป็น กรดบงเครคิก ซึ่งมีอีกชื่อเรียกว่า กรดบงเครก (Bongkrek acid) โดยบงเครกมาจากภาษาชวา

กรดบงเครคิก ถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศอินโดนีเซีย ในปีพ.ศ. 2438 เกิดการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษบนเกาะชวา การระบาดครั้งนี้มีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารพื้นเมืองของอินโดนีเซียที่เรียกว่า เทมเป้ บงเครก (Tempe Bongkrek) คือ อาหารที่เกิดจากการนำผลพลอยได้ของเนื้อมะพร้าวจากกะทิมาทำเป็นเค้ก แล้วหมักด้วยรา

การบริโภคเทมเป้บงเครกที่ปนเปื้อน ทำให้เกิดพิษจากกรดบงเครกมากกว่า 3,000 รายในอินโดนีเซีย อัตราการเสียชีวิตที่รายงานโดยรวมกลายเป็น 60% เนื่องจากสถานการณ์ที่รุนแรง การผลิตเทมเป้บงเครกจึงถูกสั่งห้ามตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531

โดยกรดบงเครคิกเป็นสารพิษหายากที่เกิดจากการปนเปื้อนของแบคทีเรีย Burkholderia Gladioli ซึ่งเป็นกรดไตรคาร์บอกซิลิก ที่มีความเป็นพิษสูง ทนความร้อนได้ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่อิ่มตัวสูง

กรดบงเครคิกสามารถแพร่กระจายในอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมัน โดยเฉพาะในมะพร้าวและข้าวโพด และเติบโตอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิ 22 ถึง 33 องศาเซลเซียส และระดับ pH ที่เป็นกลาง

กรดบงเครคิกมีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างไร? โดยกรดบงเครคิกส่งผลต่อตับ ไต และสมอง หากมีอาการสงสัยว่า อาหารเป็นพิษเกิดขึ้น เช่น ท้องเสีย, คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง, มีไข้, ปวดศีรษะ, อาการง่วงซึม, เวียนศีรษะ และอ่อนแรง เป็นต้น โปรดไปพบแพทย์ทันที

ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการอุจจาระเป็นเลือด, ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน, ปัสสาวะเป็นเลือด, ความดันโลหิตต่ำ, หัวใจเต้นผิดจังหวะ, อุณหภูมิของร่างกายสูง, ดีซ่าน, แขนขาแข็ง, หายใจลำบาก, เพ้อ, ช็อก และโคม่า

ในกรณีที่รุนแรง ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าปริมาณเพียงเล็กน้อยเพียง 1.5 มิลลิกรัมของการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนกรดบงเครคิกอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ภายใน 1 ถึง 20 ชั่วโมง หลังจากเริ่มแสดงอาการ อัตราการเสียชีวิตของเหตุการณ์ฝูงชนที่รายงานในต่างประเทศอยู่ระหว่าง 30% ถึง 100%

อาหารประเภทใดที่มีกรดบงเครคิก อาหารมีสี่ประเภทหลักที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนจากแบคทีเรียกรดบงเครคิก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์แป้ง, เห็ดหูหนูสด, ข้าวโพดหมัก และผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว

ผู้บริโภคจะป้องกันตนเองได้อย่างไร? กรดบงเครคิกไม่สามารถทำลายได้ด้วยการล้างหรือปรุงอาหาร ดังนั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของไต้หวันได้เผยวิธีการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดบงเครคิก

  • ล้างมือบ่อย ๆ ล้างมือให้สะอาดก่อนและหลังเตรียมอาหาร
  • วัตถุดิบต้องสดและถูกสุขลักษณะ และน้ำที่ใช้ต้องสะอาดและปลอดภัย
  • แยกอาหารดิบและอาหารปรุงสุก และใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกันในการจัดการอาหารดิบและอาหารปรุงสุกเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน
  • การทำความร้อนต้องทั่วถึง แบคทีเรียสามารถถูกทำลายได้ง่ายเมื่ออุณหภูมิแกนกลางของอาหารเกิน 70°C เท่านั้น
  • ใส่ใจกับอุณหภูมิในการจัดเก็บ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ หากอุณหภูมิต่ำกว่า 7°C แนะนำให้เก็บอาหารปรุงสุกหรืออาหารที่เน่าเสียง่ายและวัตถุดิบไว้ต่ำกว่า 5°C อย่าทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานานเกินไป
  • ไม่ควรบริโภคอาหารหมักแป้งที่เก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน
  • เส้นเปียก เส้นหมี่ เส้นหมี่ และก๊วยเตี๋ยว ควรแช่เย็นทันทีหลังซื้อ และไม่ควรเก็บไว้เกิน 3 วัน

ขอบคุณที่มาจาก Ettoday focustaiwan

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน