เตือนภัย หื่นลาก นร. ม.6 เข้าห้องน้ำห้างดัง จ.ขอนแก่น หวังอนาจาร โชคดีวิ่งหนีออกมาได้ พร้อมอัดคลิปหลักฐาน เตรียมดำเนินคดี เหยื่อผุดเพียบ
กำลังเป็นประเด็นร้อนขณะนี้ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อบัญชี Thirayu Chaichana เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ออกมาโพสต์เตือนภัย ถูกชายแปลกหน้าคว้าแขนลากเข้าห้องน้ำ หวังทำอนาจารในห้างดัง จ.ขอนแก่น เบื้องต้น เตรียมดำเนินคดีทางกฎหมาย
โพสต์ดังกล่าวระบุ “เตือนภัยในห้างขอนแก่น!! จะเอาเรื่องนี้มาเป็นอุทาหรณ์นะครับ ให้ระวังตัวเวลาไปเข้าห้องน้ำในห้าง ผมไม่เคยโดนอะไรแบบนี้เลยครับตกใจมาก”
ภาพประกอบ จาก Facebook : Thirayu Chaichana
“ไปเข้าห้องน้ำปกติเหมือนเขามองตั้งแต่ผมเข้ามาละ ผมกลัวมีอะไรเกิดขึ้น เขามองไม่หยุดเลย ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปก่อนเพราะในห้องน้ำไม่มีคนเลยชั้น 3 ห้องน้ำชาย พอผมทำธุระเสร็จเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ เขาเข้ามาถามผม ผมไม่ได้ยิน เลยถามว่าอะไรนะครับ”
“เขาเลยดึงตัวผมแล้วจับของลับผมแล้วจุ้บ ผมเลยตะโกนอะไรของพี่ แล้วเขาดึงผมไปในห้องน้ำ ตอนแรกผมไม่ยอม แต่ผมสู้แรงเขาไม่ไหว ผมเลยยอมเข้าไป พอเขาเผลอผมสะบัดมือแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำ มีคลิปครับ DM อัดไว้ได้ ก็เลยไปขอให้รปภ. และเรียกตำรวจมา ระวังตัวกันด้วยนะครับชาวขอนแก่น”
ภาพประกอบ จาก Facebook : Thirayu Chaichana
เมื่อโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล ชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก
Advertisement
โดย ผู้เสียหายได้เปิดเผยกับทาง ข่าวสดออนไลน์ ว่า น้องเอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี นักเรียนระดับชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ในห้องน้ำห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเมืองขอนแก่น”
“ก่อนเกิดเหตุตนเองไปทานข้าวกับเพื่อน 2 คนบนห้าง หลังจากทานเสร็จได้ไปเข้าห้องน้ำที่ชั้น 3 ของห้างแต่ไปคนเดียว โดยในห้องน้ำจะมีชายแปลกหน้าดังกล่าวอยู่ในห้องน้ำคนเดียว ต่างคนต่างมองหน้ากันแค่แว้บเดียว ตนเองจึงเดินเข้าห้องส้วมไปปัสสาวะ”
“หลังจากปัสสาวะเสร็จออกมากำลังล้างมือที่ก็อกน้ำ ซึ่งชายดังกล่าวยังมองตามไม่ละสายตา แต่ถามบางอย่างกับตนเอง ตนเองไม่ได้ยินเนื่องจากเสียงก็อกน้ำดัง ตนเองจึงถามกลับไปว่าอะไรนะครับ จังหวะนั้น ชายดังกล่าวเอาหน้าเข้ามาใกล้ ๆ แล้วหอมแก้ม ก่อนจะจับอวัยวะเพศตนเองแล้วดึงแขนตนเองเข้าห้องส้วมไป ซึ่งก่อนที่จะลากตนเองไปนั้น ตนเองเอะใจแล้วว่าอาจจะมีอะไรแน่ ๆ จึงได้กดอัดถ่ายคลิปเอาไว้ก่อน ตามที่เห็นในโซเชียล”
“หลังจากชายดังกล่าวดึงตนเองไปตามที่เห็นในคลิป แต่ที่ดึงแขนตนเองไปนั้น ตนเองพยายามดึงแขนกลับคืนแต่สู้แรงไม่ไหว จึงปล่อยไปก่อนเพื่อหาจังหวะหนี เพราะอัดคลิปไว้แล้ว พอจังหวะเดินตามไปชายดังกล่าวเผลอตนเองจึงผลักแล้วรีบดึงมือออกก่อนจะวิ่งไปหาเพื่อนขอความช่วยเหลือ ก่อนที่เพื่อนจะมาจับตัวเอาไว้ และเรียก รปภ.มาควบคุมตัวก่อนจะแจ้งตำรวจมาทีเกิดเหตุ โดยชายแปลกหน้าดังกล่าวอ้างว่าจะขอไอดีไลน์”
ภาพประกอบ จาก Facebook : Thirayu Chaichana
น้องเอ บอกต่อว่า ชายดังกล่าวรูปร่างสูง หน้าตาดี ผิวขาว แต่งตัวดี สวมใส่แมสวีดำปกปิดใบหน้า อายยุประมาณ 30 ปี วัยทำงาน ซึ่งช่วงที่ตนเองคุยกับชายดังกล่าวนั้น มีการพูดคุยกันและไกล่เกลี่ยกัน และได้มีการพูดถึงค่าทำขวัญ
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงพื้นที่มาแนะนำว่าหากพูดคุยไกล่เกลี่ยเรียกค่าทำขวัญตกลงกันไม่ได้ ก็ให้มาที่โรงพัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกลับไป ซึ่งจากการพูดคุยนั้นตนเองและเพื่อนได้เปิดข้อกฎหมายเรื่องการเรียกค่าทำขวัญ โดยยึดตามกฎหมายคือ 5,000 บาท แต่ชายดังกล่าวบอกว่าหากจะเอาเงินต้องไปที่รถ เพราะมีโทรศัพท์ 2 เครื่อง และบอกอีกว่ามีเงินเพียง 3,000 บาท
ก่อนที่ตนเองและเพื่อนจะไปที่รถโดยมี รปภ.ไปด้วย ซึ่งขณะนั้นคิดว่าตนเองกับเพื่อนมีธุระต่อจึงต้องการให้จบเรื่องเร็วที่สุด จึงได้เอาเงินมาก่อนโดยยังไม่ได้ปรึกษาผู้ปกครอง เพราะเป็นการคุยกัน 3 คน ซึ่งตอนที่รับเงินนั้นยังติดใจอยู่ แต่คุยกันแล้วว่าจะต้องไปเรียนไปทำงานอื่น ๆ หากดำเนินคดีก็คงไม่มีเวลา จึงเลือกที่จะเอาเงินแล้วออกมาก่อน
“เบื้องต้นรอแม่ว่าจะดำเนินคดีหรือไม่หรือจะเอาอย่างไร เพราะเพิ่งทราบว่าเกิดเหตุขึ้น แต่ส่วนตัวอยากเอาผิดชายดังกล่าว เพราะมีหลายคนทักมาบอกว่าเป็นคนเดียวกันที่ก่อเหตุ แต่ไม่มีใครอัดคลิปไว้ และไม่มีใครทำอะไรกับเขาเลย”
“จึงมองว่าหากปล่อยไปก็จะทำให้เป็นอันตรายต่อสังคม เพราะเชื่อว่าจะต้องกลับไปก่อเหตุซ้ำอีกหลาย ๆ ที่ เพราะจากข้อมูลที่คนอื่น ๆ ที่เคยโดนแบบเดียวกันกับตนเองส่งข้อมูลมาให้แต่ไม่ได้ถ่ายคลิป ซึ่งพฤติกรรมของชายดังกล่าวแต่ละคนบอกว่ามีพฤติกรรมเหมือนกันกับที่ตนเองเจอ ทั้งจับอวัยวะเพศ ลากแขนเข้าห้องน้ำหวังทำอนาจาร จึงมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองจึงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใคร แต่ส่วนตัวต้องรอปรึกษาผู้ปกครองก่อน”
บทสรุปเรื่องราวจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป
