‘ปุ้มปุ้ย’ ขอบคุณตำรวจ จับคนร้ายขายรองเท้าทิพย์ ยันไม่ได้เป็นไปตามกระแสโซเชียล เผยเหยื่อพุ่งกว่า 300 ราย

วันที่ 25 เม.ย.67 ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 (บก.สอท.4) ชั้น 4 ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กทม. น.ส.พรรณทิพา อรุณวัฒนชัย หรือ ปุ้มปุ้ย นักแสดงชื่อดัง พร้อม นายณัฐวุฒิ ภิญโญยิ่ง อายุ 28 ปี เจ้าของร้านรองเท้าออนไลน์ หนึ่งในผู้เสียหาย เข้าพบ พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 และ พ.ต.อ.คมสัน มีภักดี ผกก.4 บก.สอท.4 เพื่อร้องทุกข์กรณีถูกร้านค้าออนไลน์หลอกซื้อ-ขายรองเท้าทิพย์

น.ส.พรรณทิพา เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้พาผู้เสียหายบางส่วนมาพบและมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมตัวคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีกระแสโซเชียลว่าตนมีปัญหากับร้านค้าออนไลน์ของมิจฉาชีพ ตำรวจจึงทำงานได้อย่างรวดเร็ว แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นไปตามกระแสที่ว่า เพราะกระบวนการขั้นตอนรวบรวมหลักฐานต่างๆ และการเข้าจับกุมนั้นต้องใช้เวลา ไม่ใช่เพียงแค่ 3 วันก็สามารถจับกุมได้เลย ซึ่งตรงนี้ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่มีส่วนช่วยในการรวบรวมผู้เสียหายที่ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี โดยรวบรวมได้กว่า 300 เคสจากคอมเมนต์ที่ตนโพสต์ ซึ่งตนก็อยากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความเพื่อดำเนินคดี

ด้าน นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเสียหายประมาณกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้ทักมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แบบผ่อนชำระกับทางร้านของตน ซึ่งมีการซื้อขายกันระหว่างตนกับผู้ต้องหาเกิดขึ้นจริงก่อนหน้า ทำให้ตนไว้ใจและสนิทสนมกับผู้ต้องหารายนี้ แต่ตนเริ่มเกิดข้อสงสัยเมื่อยอดค้างชำระอยู่ที่ 2 แสนบาท จึงนัดพบกันกับผู้ต้องหาที่ จ.พิษณุโลก แต่ผู้ต้องหาอ้างว่าอยู่ต่างประเทศ

ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่นาน ผู้ต้องหาได้บอกว่าอยู่แถวละแวกดังกล่าว โดยตอนแรกตนจะหยุดการซื้อขายไว้เพียงเท่านี้ แต่ด้วยความไว้ใจและสนิทสนม ผู้ต้องหาขอผ่อนและซื้อของเพิ่มตนจึงซื้อขายอีกครั้ง ซึ่งในภายหลังเริ่มผ่อนชำระไม่ตรงตามกำหนด และตนยังพบอีกว่าผู้ต้องหาได้ขายสินค้าถูกกว่าของตนที่ผู้ต้องหารับมาและขายแบบขาดทุนเพื่อนำเงินไปหมุน

นอกจากนี้ยังใช้ชื่อและแอคเคานท์รวมแล้ว 3 แอคเคานท์มาซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระกับตน ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้จัดตั้งทนายเพื่อฟ้องร้องผู้ต้องหาคนดังกล่าวแล้ว โดยคู่กรณีได้เลื่อนนัดศาลและจัดตั้งทนายเพื่อสู้คดีกลับ ที่ผ่านมาได้เจรจามาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้รับเงินคืน

ขณะที่พล.ต.ต.จิตติพนธ์ กล่าวว่า ผู้เสียหายจากกรณีซื้อขายกับร้านค้าดังกล่าว ในอายุความของคดีสามารถแจ้งความเรื่องนี้ได้เรื่อยๆทั้งทางออนไลน์ หรือแจ้งความตามสถานีตำรวจได้ทั่วประเทศ พนักงานสอบสวนจะเรียกตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำ ทางเราสอบสวนเรื่องนี้เดิมทีมีผู้เสียหายอยู่ประมาณ 70 กว่าราย แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นกว่า 300 ราย ซึ่งเราจะทำหนังสือไปสอบถามตามสถานีตำรวจต่างๆ เพื่อที่จะได้รวบรวมเอกสารและส่งคดีพวกนี้มาสอบสวน เป็นคดีกลุ่มรวมกันที่ บก.สอท.4 ซึ่งเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนที่รับผิดชอบในคดีนี้

ซึ่งขณะนี้การดำเนินการอยู่ในระหว่างการสอบสวนผู้เสียหาย และส่วนหนึ่งก็ติดตามรายงานการโอนเงินจากธนาคารและตรวจสอบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทเงินในลักษณะของการฟอกเงินไปยังใครที่มีเจตนาที่รู้หรือร่วมกันกระทำความผิดนี้ด้วยหรือไม่ โดยความเสียหายอยู่ที่หลายล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหามีการกระทำดังกล่าวมาเป็นเวลา 2 ปี โดยผู้ต้องหาจะมีลักษณะรับซื้อสินค้ามาเพื่อนำมาขาย แต่ไม่ส่งของให้แก่ผู้เสียหายรวมไปถึงไม่ชำระเงินกับร้านที่รับซื้อมา








Advertisement

โดยหากใครที่มีชื่อเสียงที่จะทำให้ร้านค้าผู้ต้องหาเกิดผลกระทบก็จะโอนเงินคืนแบบในกรณีของปุ้มปุ้ย ส่วนหากใครที่ไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบใหญ่ก็จะไม่คืนเงิน เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 2 ข้อหาหลักในเบื้องต้นคือ “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน