การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เมื่อ 29 มิ.ย. นัดสุดท้ายกลุ่มจี ที่คาลินินกราด สเตเดี้ยม อังกฤษ ที่เก็บชัยมา 2 นัดรวด ลงสนามพบ เบลเยี่ยม ที่ชนะมา 2 นัดรวดเช่นกัน โดยทั้งสองทีมเข้ารอบไปเรียบร้อยแล้ว นัดนี้เล่นเพื่อชิงแชมป์กลุ่มเท่านั้น

เกมนี้ อังกฤษ ปรับเปลี่ยนผู้เล่นหลายราย โดยจัดทัพมาในระบบ 3-5-2 ประกอบไปด้วยผู้รักษาประตู จอร์แดน พิกฟอร์ด ปราการหลัง ฟิล โจนส์, จอห์น สโตนส์, แกรี เคฮิล วิงแบ็กด้านขวาใช้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ซ้ายเป็น แดนนี โรส ส่วนมิดฟิลด์ตรงกลางมี เอริก ดายเออร์, รูเบน ลอฟตัส-ชีก, ฟาเบียน เดลฟ์ และคู่กองหน้าใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด จับคู่กับ เจมี วาร์ดี

ขณะที่เบลเยี่ยม พักตัวหลักหลายรายเช่นกัน โดยมาในระบบ 3-4-3 ผู้รักษาประตูยังคงเป็น ธิโบต์ กรูตัวส์ กองหลัง โทมัส แฟร์มาเลน, เดอดริก โบยาตา, เลอันเดอร์ เดนด็องเกอร์ กองกลาง ธอร์แกน อาซาร์, มุสซา เดมเบเล, มารูยาน เฟลไลนี, นาเซอร์ ชาดลี ขณะที่ 3 ประสานในแดนหน้าเป็น ยูรี ทีเลอมันส์, มิชี บาตชูอายี และอัดนัน ยานนาไซ

เริ่มเกมเป็นเบลเยี่ยมที่ครองบอลได้มากกว่าเล็กน้อย และมีโอกาสยิงอยู่ 2-3 จังหวะแต่ยังไม่เฉียบขาดพอ ขณะที่อังกฤษ อาศัยวางบอลยาว ให้ วาร์ดี และ แรชฟอร์ด ที่มีความเร็ว วิ่งเข้าหาบอล ซึ่งสร้างจังหวะให้แฟนบอลได้หวาดเสียว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังพังประตูกันไม่ได้ จบ 45 นาทีแรก ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลังเริ่มมาได้เพียง 6 นาที เบลเยี่ยม ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะที่ อัดนัน ยานาไซ ใช้ความสามารถเฉพาะตัว โยกหลบ แดนนี โรส ในกรอบเขตโทษ ก่อนปั่นด้วยซ้ายเสียบคานเข้าไปอย่างสวยงาม

หลังจากนั้นอังกฤษ ยังคงเล่นไปตามเกม ไม่ได้เร่งจะทำประตูตีเสมอมากมาย ก่อนจะจบ 90 นาที เบลเยี่ยม เอาชนะ อังกฤษ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะ แชมป์กลุ่มจี มี 9 คะแนน โดยจะเข้าไปพบ ญี่ปุ่น อันดับ 2 กลุ่มเอช ส่้วนอังกฤษ คว้าอันดับ 2 มี 6 คะแนน ผ่านเข้าไปพบ โคลัมเบีย อันดับ 1 กลุ่มเอช

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน