คดีเปรมชัยล่าเสือดำทุ่งใหญ่

คดี ‘เปรมชัย’ ล่าเสือดำทุ่งใหญ่ เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมแห่งปี 2561 สะท้านแวด วงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อซีอีโอใหญ่ยักษ์จากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกอีก 3 คน ถูกจับกุมโดยนายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

ขณะเข้าไปตั้งแคมป์ที่จุดห้วยปะชิ ซึ่งเป็นจุดหวงห้าม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ มรดกโลกทางธรรมชาติ ตรวจค้นพบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ พร้อมด้วยอาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 4 .. 2561

จากนั้นส่งตัวนายเปรมชัย และพวกเพื่อดำเนินคดีที่ สภ.ทองผาภูมิ พร้อมแจ้งข้อหาความผิด 9 ข้อหา แต่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ศาลให้ประกันตัวคนละ 150,000 บาท และในวันที่ 2 มี.. นายเปรมชัย และพวกเดินทางมาให้ปากคำครั้งแรกที่ สภ.ทองผาภูมิ และตำรวจสรุปสำนวนส่งให้อัยการภาค 7

เมื่อวันที่ 30 เม.. อัยการภาค 7 แถลงผลพิจารณาคดีตามคำชี้ขาดอัยการสูงสุด ฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา และผู้ต้องหาคนที่ 2-4 คนละ 5-8 ข้อหา

สำหรับ 6 ข้อหาที่สั่งฟ้องนายเปรมชัย ได้แก่ 1.ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า 5.ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย และ 6.ร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดย ไม่ได้รับอนุญาต

ต่อมาทนายความของนายเปรมชัย ยื่นคำร้องต่อศาลขอโอนคดีล่าสัตว์ป่าไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้คดีนายเปรมชัย และพวก ร่วมกันล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่อยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 27 ..

ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดสืบพยานโจทก์เป็นฝ่ายแรกรวม 10 นัด คือวันที่ 27-30 .. วันที่ 6-7 .. วันที่ 11-13 .. และวันที่ 18 .. โดยพยานโจทก์มีทั้งหมด 32 ปาก จากนั้นศาลจังหวัดทองผาภูมินัดสืบพยานจำเลย 17 ปาก รวม 6 นัด คือวันที่ 19-21 และ 25-27 ..

การพิจารณาคดีเสือดำทุ่งใหญ่ในชั้นศาลงวดขึ้นเรื่อย ท่ามกลางสังคมและแวดวงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ปิดตำนาน‘ปู่คออี้107ปี’คนอยู่กับป่า “ปู่คออี้ มีมิ

ปิดตำนาน‘ปู่คออี้107ปี’คนอยู่กับป่า “ปู่คออี้ มีมิอายุ 107 ปี ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยง

เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคปอดติดเชื้อ ที่โรงพยาบาลพระจอม เกล้า จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 5 .. 2561

ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ราวปี พ..2554 ปู่คออี้ แทบไม่เป็นที่รู้จักจากสังคมในวงกว้าง หากไม่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บุกขึ้นไปเผาบ้านที่อาศัยอยู่ในผืนป่า และขับไล่ลงมาให้อยู่กับลูกหลานที่บ้านโป่งลึกบางกลอย

 

ทั้งที่ตั้งแต่ปู่เกิดเมื่อ พ..2454 ปู่คออี้ใช้ชีวิตหาอยู่หากินอยู่ในผืนป่า ด้วยการทำไร่หมุนเวียน ปลูกบ้านด้วยไม้ไผ่หลังเล็กๆ อยู่บริเวณใจแผ่นดิน หรือบ้านบางกลอยบน ใช้ชีวิตยึดโยงความเชื่อเกี่ยวกับเจ้าป่าเจ้าเขา และวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยง

แต่หลังจากถูกเผาบ้าน ทำให้ปู่คออี้ พร้อมลูกหลานอีก 5 คน ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรม โดยยื่นฟ้องกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ชดใช้ค่าเสียหาย และขอกลับไปอยู่บ้านเดิม

ทว่าทุกอย่างไม่ได้ราบรื่น ระหว่างเรื่องอยู่ในการพิจารณาของศาลบิลลี่พอละจี รักจงเจริญ หลานชายของปู่ ผู้ที่คอยประสานเรื่องคดีความกับนักกฎหมาย ได้สูญหายไปอย่างลึกลับ หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัว

อีกทั้งก่อนหน้านี้ นายทัศน์กมล โอบอ้อม หรือ อาจารย์ป๊อด ที่นำปู่คออี้เข้าร้องเรียนต่อทนายความ ก็ถูกลอบยิงจนเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม หลังการต่อสู้ 7 ปี ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ ชดใช้ค่าเสียหายให้ชาวบ้าน เฉลี่ยรายละ 50,000 บาท พร้อมระบุในคำพิพากษาด้วยว่า ใจแผ่นดิน เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง แต่ไม่สามารถอนุญาตให้ปู่คออี้ กลับขึ้นไปอยู่ในพื้นที่เดิมได้

 

ขณะที่ ปู่คออี้ ยังยืนยันว่าไม่ได้ต้องการเงิน เพียงแค่อยากกลับไปอยู่ที่ใจแผ่นดินเท่านั้น

แต่แล้วในวาระสุดท้ายของชีวิต ผู้เฒ่ากะเหรี่ยง ก็ไม่มีโอกาสกลับไปอยู่บ้านเดิม ทั้งยังไม่ได้รับเงินชดเชย เนื่องจากเสียชีวิตก่อน

ปิดตำนาน 107 ปีของคนที่อาศัยอยู่กับป่าลงอย่างเศร้าสลด

คดีเปรมชัยล่าเสือดำทุ่งใหญ่

เป็นข่าวใหญ่ครึกโครมแห่งปี 2561 สะท้านแวด วงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อซีอีโอใหญ่ยักษ์จากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกอีก 3 คน ถูกจับกุมโดยนายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

ขณะเข้าไปตั้งแคมป์ที่จุดห้วยปะชิ ซึ่งเป็นจุดหวงห้าม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ มรดกโลกทางธรรมชาติ ตรวจค้นพบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ พร้อมด้วยอาวุธปืน และเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง เมื่อวันที่ 4 .. 2561

จากนั้นส่งตัวนายเปรมชัย และพวกเพื่อดำเนินคดีที่ สภ.ทองผาภูมิ พร้อมแจ้งข้อหาความผิด 9 ข้อหา แต่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ศาลให้ประกันตัวคนละ 150,000 บาท และในวันที่ 2 มี.. นายเปรมชัย และพวกเดินทางมาให้ปากคำครั้งแรกที่ สภ.ทองผาภูมิ และตำรวจสรุปสำนวนส่งให้อัยการภาค 7

เมื่อวันที่ 30 เม.. อัยการภาค 7 แถลงผลพิจารณาคดีตามคำชี้ขาดอัยการสูงสุด ฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา และผู้ต้องหาคนที่ 2-4 คนละ 5-8 ข้อหา

สำหรับ 6 ข้อหาที่สั่งฟ้องนายเปรมชัย ได้แก่ 1.ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่า 5.ร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำผิดกฎหมาย และ 6.ร่วมกันเก็บของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดย ไม่ได้รับอนุญาต

ต่อมาทนายความของนายเปรมชัย ยื่นคำร้องต่อศาลขอโอนคดีล่าสัตว์ป่าไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้คดีนายเปรมชัย และพวก ร่วมกันล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่อยู่ในอำนาจการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดทองผาภูมิ เมื่อวันที่ 27 ..

ศาลจังหวัดทองผาภูมินัดสืบพยานโจทก์เป็นฝ่ายแรกรวม 10 นัด คือวันที่ 27-30 .. วันที่ 6-7 .. วันที่ 11-13 .. และวันที่ 18 .. โดยพยานโจทก์มีทั้งหมด 32 ปาก จากนั้นศาลจังหวัดทองผาภูมินัดสืบพยานจำเลย 17 ปาก รวม 6 นัด คือวันที่ 19-21 และ 25-27 ..

การพิจารณาคดีเสือดำทุ่งใหญ่ในชั้นศาลงวดขึ้นเรื่อย ท่ามกลางสังคมและแวดวงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน