เป็นช่วงปลายปีที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก สำหรับทิศทางของเศรษฐกิจไทย ถึงแม้ภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยโครงการต่างๆ ออกมามากมายไม่ว่าจะเป็นโครงการเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน ซึ่งต้องมาลุ้นกันต่อว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจกลับมากระเตื้องขึ้นได้มากแค่ไหน

ในเมื่อไม่อาจคาดการณ์ทิศทางของเศรษฐกิจได้ชัดเจนการเตรียมวางแผนรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องที่เริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้

สำรองเงินไว้ ฉุกเฉินเรื่องอะไรก็ไม่กังวล

เราควรระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย จ่ายเท่าที่จำเป็นหากเหลือก็ควรเก็บสำรองไว้เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคต จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างที่เราต้องใช้เงินอย่างกะทันหันหรือเกิดขาดรายได้แบบไม่ทันได้ตั้งตัว เช่น ตกงาน อุบัติเหตุของคนในครอบครัว ธุรกิจขาดสภาพคล่อง และเงินก้อนนี้ควรอยู่ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงเปลี่ยนเงินสดได้ไวเบิกถอนได้ง่าย เพื่อไม่ให้ลำบากต่อการนำออกมาใช้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำ กองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น

มีเท่าไหร่ถึงอุ่นใจ

โดยปกติแล้วเราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินให้เพียงพอต่อการใช้จ่าย 6-12 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เพียงพอกับการหาเงินใหม่ในกรณีที่หากเกิดขาดรายได้กะทันหันโดยที่ไม่จำเป็นต้องเอาเงินก้อนอื่นออกมาใช้ ขณะเดียวกันหากมีมากเกินไป ก็อาจจะเสียผลประโยชน์จากการสร้างผลตอบแทนในภาพรวมของเราได้ เพราะเงินสำรองฉุกเฉินเราคงไว้ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้การนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่มากก็อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่อุ่นใจเท่าไหร่นัก

สินทรัพย์มีมูลค่า เป็นที่มาของเงิน

ทางเลือกในการหาเงินทุนสำรองนั้นบางคนก็อาจจะเก็บออมไว้เป็นรายเดือน แต่บางคนก็มีการแบ่งออกมาใช้เพราะทนมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐไม่ไหว ดังนั้นหากจะหาทุนสำรองเพิ่มให้เลือกหาทุนจากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือได้ และไม่แนะนำให้เลือกหาทุนจากการกู้นอกระบบซึ่งจะมีปัญหายุ่งยากตามมาอีกหลายเรื่อง โดยวิธีหาทุนสำรองเพิ่มให้เริ่มจากการสำรวจสินทรัพย์ที่มีอยู่รอบตัวก่อน เช่น บ้าน คอนโด ที่ดิน ทองคำ รถยนต์ ฯลฯ ซึ่งหากเรามีหลักทรัพย์ค้ำประกันในการยื่นกู้ก็จะได้ประโยชน์จากการจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทไม่มีหลักทรัพย์ประกัน

หลักทรัพย์ค้ำประกันที่ได้รับความนิยม คือ รถยนต์ หรือที่รู้จักในชื่อสินเชื่อประเภทรถกู้เงินด่วน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับหลักทรัพย์ค้ำประกันประเภทอื่นๆ เช่น บ้าน หรืออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ แล้วรถยนต์จะใช้ระยะเวลาอนุมัติสินเชื่อสั้นกว่า และได้วงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนสูงสุดถึง 6 ปี โดยรถยนต์ที่นำมาขอสินเชื่อไม่ว่าจะผ่อนชำระหมดแล้วหรือยังผ่อนชำระอยู่ก็สามารถนำมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ โดยรถยนต์ก็ยังนำกลับไปใช้งานได้ตามปกติ

ปัจจุบันมีสินเชื่อรถกู้เงินด่วนที่น่าสนใจอยู่หลากหลาย เช่น ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ออกโปรโมชั่น 0% 3 เดือน เพื่อจูงใจลูกค้าที่ต้องการลดภาระเรื่องดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 3 เดือนแรก (ดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิก)

ในภาวะเช่นนี้ เงินสำรองฉุกเฉินถือว่าสำคัญมาก แม้แต่พนักงานประจำ ก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกเลิกจ้างภายใต้พิษเศรษฐกิจแบบนี้ ดังนั้นหากเราเตรียมตัวหางินสำรองไว้แต่เนิ่นๆ ในช่วงที่ยังมีเครดิตอยู่คงอุ่นใจกว่าแน่นอน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน