กว่าจะมาถึงวันที่ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้นด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่เชื่อมโลกได้รวดเร็วอย่างทุกวันนี้ก็ต้องผ่าน “ยุคอะนาล็อก” ที่การสื่อสารทำได้เพียงแค่โทรเข้าและรับสาย แต่ด้วยการพัฒนาระบบโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนไทยได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ทุกวันนี้เราจึงก้าวเข้าสู่ “ยุคดิจิทัล” ที่ไม่ว่าจะส่งต่อข้อมูลขนาดใหญ่แค่ไหน จะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมออนไลน์ ทุกอย่างก็ง่ายดายในเวลาแค่เสี้ยววินาที

หากจะพูดถึงหนึ่งในผู้มีบทบาทพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมของไทย ก็ต้องมี บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2533 เอไอเอสก็ได้ร่วมพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมของประเทศให้ก้าวหน้า ส่งมอบเทคโนโลยีการสื่อสารที่ดีที่สุดให้คนไทยอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยจำนวนคลื่นมากสุดและใบอนุญาตมากสุด พร้อมทำธุรกิจโดยวางอยู่บนพื้นฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในวันที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น เอไอเอสก็พร้อมรับมือเต็มที่ ล่าสุดกับเทคโนโลยี เอไอเอส 5G ที่เร็วสุด แรงสุด ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย ตอบสนองการใช้ชีวิตยุคใหม่ของทุกคนอย่างแท้จริง

  • 1G สู่ 5G เทคโนโลยีแห่งโลกยุคใหม่

ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเทคโนโลยีการสื่อสารของเอไอเอสจะอยู่ในยุคไหน เอไอเอสก็อยู่เคียงข้างทุกคนให้ “อุ่นใจ” เสมอ

1G (ปี 2533) เอไอเอสนำการสื่อสารแบบอะนาล็อกมาให้บริการ ซึ่งขณะนั้นโทรศัพท์มือถือยังเป็นการโทรศัพท์เข้าออก ไม่มีการส่งข้อมูลใดๆ เหมือนทุกวันนี้

2G (ปี 2535) เอไอเอสพัฒนาการสื่อสารจากอะนาล็อกเป็นดิจิทัล สามารถดาวน์โหลดภาพและรับส่งภาพ MMS สัญญาณเสียงคมชัดมากขึ้น สามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้

3G (ปี 2556) เอไอเอสนำเทคโนโลยีความเร็วสูงมาให้ทุกคนได้สัมผัส เป็นยุคที่สัญญาณมีความเสถียรและคมชัดกว่าเดิม รับส่งข้อมูลต่างๆ และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว

4G (ปี 2559) ล้ำไปอีกขั้นด้วยการพัฒนาความเร็วในการรับส่งข้อมูล ฟังเพลง เล่นเกม ดูหนังออนไลน์ด้วยระบบภาพและเสียงที่คมชัด ไม่มีกระตุก

5G (ปี 2563) เทคโนโลยีจากเอไอเอสที่เหนือกว่าทุกยุค ทั้งการรับส่งและถ่ายโอนข้อมูลที่ไวกว่า มีความถี่สำหรับใช้งานมากกว่า รองรับการใช้งานแต่ละพื้นที่ได้มากกว่า ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ขั้นสุด

  • “ยืนหนึ่ง” เพื่อคนไทย คลื่นมากสุด ใบอนุญาตมากสุด

นอกจากจะยืนหนึ่งด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากสุดที่ 40.9 ล้านเลขหมาย ณ ไตรมาส 3/2563 แล้ว เอไอเอสยังยืนหนึ่งเรื่องจำนวนคลื่นความถี่มากสุดและมีใบอนุญาตมากสุด เพื่อให้คนไทยติดต่อสื่อสารกันได้เร็ว แรง แบบไม่มีสะดุด

แต่กว่าจะมาถึงยุคนี้ ลองจินตนาการย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน กว่าจะมีเลขหมายโทรศัพท์สักเลขหมายนับเป็นเรื่องยากอย่างที่เราแทบนึกไม่ถึง เพราะยุคนั้นยังไม่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมเพื่อรองรับการใช้งานเต็มพิกัด

เอไอเอส ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม เห็นว่าเทคโนโลยีโทรคมนาคมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยพัฒนาการแข่งขันของไทยในระดับโลก และยังช่วยให้คนไทยติดต่อสื่อสารกันได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น จึงดำเนินงานภายใต้ระบบสัญญาร่วมการงานหรือสัมปทาน ซึ่งผู้ให้บริการได้รับสิทธิในการใช้คลื่นความถี่จากหน่วยงานของรัฐภายใต้สัญญารูปแบบสร้าง-โอน-ดำเนินการ (Built-Transfer-Operate หรือ BTO) ตั้งแต่ปี 2533

สัญญาดังกล่าวมีระยะเวลา 25 ปี โดยสิ้นสุดสัญญาไปเมื่อปี 2558 ระหว่างนั้นได้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อกำกับดูแลระบบโทรคมนาคมขึ้นในปี 2553

ต่อมา กสทช. จัดประมูลคลื่นความถี่ และจัดสรรใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ชุดแรกในปี 2555 ซึ่งเอไอเอสก็เข้าร่วมประมูล และได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมตั้งแต่ปี 2556

เมื่อเทคโนโลยีเข้าสู่ยุค 5G เอไอเอสก็เข้าร่วมประมูลด้วยในช่วงต้นปี 2563 และสามารถคว้าใบอนุญาตมาได้ 3 คลื่นความถี่ ทั้งคลื่นความถี่ 700 MHz จำนวน 1 ชุด คลื่นความถี่ 2600 MHz จำนวน 10 ชุด และคลื่นความถี่ 26 GHz จำนวน 12 ชุด ยืนหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ถือครองคลื่นความถี่ในการให้บริการ 4G และ 5G มากสุดในประเทศ รวมทั้งสิ้น 1450 MHz

  • พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลบนรากฐานความยั่งยืน

ธุรกิจในโลกยุคใหม่ไม่ได้วัดผลความสำเร็จที่ตัวเลขรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคิดถึงองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอไอเอส กล่าวถึงปัจจัยหนุนความสำเร็จของเอไอเอส ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมอันดับ 1 ของคนไทย ว่า เอไอเอสยึดการทำงาน 5 แกนสำคัญ ได้แก่

“network quality” คุณภาพสัญญาณต้องคมชัด ดีเยี่ยม ซึ่งเอไอเอสลงทุนกับระบบโครงข่ายโทรคมนาคมไปแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์ที่ใช้ได้จริงและใช้ได้ดีที่สุด

“service excellence” สร้างสรรค์ช่องทางหลากหลายให้ลูกค้าสามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็วทันใจ พร้อมมอบประสบการณ์ประทับใจในการใช้บริการทุกครั้ง

“product innovation” นำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ในทุกธุรกิจ ทั้งโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการดิจิทัลต่างๆ ให้สอดคล้องกับชีวิตยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว

“privilege” มอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของทุกคน ทั้งกินดื่ม ช้อปปิ้ง บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ท่องเที่ยวและการเดินทาง ฯลฯ

“sustainability” หรือความยั่งยืน คือแกนสำคัญที่สุดของการดำเนินธุรกิจทั้งหมดของเอไอเอส

ความยั่งยืนในแบบเอไอเอสนั้น ซีอีโอของเอไอเอสขยายความว่า เอไอเอสไม่ได้มองแค่ผลประกอบการเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัล ปกป้องระบบสารสนเทศและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า พัฒนาและดูแลบุคลากรแบบองค์รวม สร้างคุณค่าในการเข้าถึงเทคโนโลยีให้ชุมชนและสังคม การกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดปริมาณคาร์บอน

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและสร้างสรรค์สังคมที่น่าอยู่ให้ทุกคนนั่นเอง

คลิกทำความรู้จัก เอไอเอส ผู้ให้บริการ เอไอเอส 5G ที่ 1 ตัวจริงรายแรก คลื่นมากสุด ดีสุด เพื่อคนไทย เพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/5G


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน