เป็นที่รู้กันดีว่าในแต่ละปีคนไทยบินไปผ่าตัดศัลยกรรมที่ประเทศเกาหลีกันเป็นจำนวนมาก เม็ดเงินที่ออกไปไม่ต่ำกว่าหลักพันล้านบาทต่อปี นับว่าเป็นเม็ดเงินที่มีมูลค่ามหาศาล โดยเฉพาะการบินไปผ่าตัดโครงหน้า ทั้งเพื่อความสวยงามและแก้ไขความผิดปกติรูปหน้าต่าง ๆ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าศัลยแพทย์ของเกาหลีมีความเชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมที่เกี่ยวข้องกับใบหน้า การแก้ไขโครงหน้าอย่างมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้แพทย์ไทยที่เชี่ยวชาญยังมีจำนวนน้อยกว่ารวมถึงความชำนาญอาจจะยังไม่เทียบเท่ากับประเทศเกาหลี จึงเป็นที่มาของการคิดและตัดสินใจซื้อ รพ.จากเกาหลีมาไว้ที่เมืองไทยภายใต้รพ.ศัลยกรรมชื่อดังอย่างรพ.มาสเตอร์พีซ (Masterpiece Hospital) กันซะเลย

**ลงทุนเพื่อซื้อ รพ.เกาหลีเพื่อปั้นทีมแพทย์ ที่แรกของไทย!**

แพทย์หนุ่มไฟแรงคุณหมอเส นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ชื่อนี้ไม่มีใครในวงการที่ไม่รู้จัก ลงทุนทุบวงการสร้างความใหม่ที่แตกต่าง

โรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีซ เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้มีการร่วมมือกับถาบันการอบรม Korean college of cosmetic surgery (KCCS) ที่มีทีมแพทย์เก่ง ๆ โดยจัดเป็นศูนย์การฝึกอบรมแพทย์ระหว่างไทย-เกาหลี รวมไปถึงการซื้อ โรงพยาบาลจากประเทศเกาหลี (FACE DESIGN MAXILLOFACIAL PLASTIC SURGERY ) และซึ่งเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมโครงหน้าที่ได้รับความนิยมทั้งในเกาหลีและจีน โดยใช้เทคนิคและนวัตกรรมต่างๆ และเชิญคุณหมอเกาหลีที่เป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลีมาควบคุมดูแลทีมแพทย์ไทยโดยเฉพาะเป็นปั้นทีมให้เก่ง

“ตอนนี้เรามีทุกอย่างที่เหมือนเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือการผ่าตัด ขั้นตอนการผ่าตัด ขั้นตอนการตรวจและปรึกษา (แบบที่ผ่าที่เกาหลีจริง ๆ) รวมถึงอาจารย์แพทย์จากประเทศเกาหลีที่เก่งเรื่องศัลยกรรมโครงหน้าโดยตรง ที่ช่วยควบคุมทีมแพทย์ไทย พัฒนาให้คุณภาพและผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด เป็นที่น่าพอใจของคนไข้”

**มุ่งมั่น พัฒนาทีมแพทย์ไทยให้สู้เกาหลีให้ได้**

คุณหมอเส นพ.ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล โรงพยาบาลศัลยกรรมมาสเตอร์พีซ เล่าต่อว่า ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรพ.ศัลยกรรมจากประเทศเกาหลี ทางรพ.ทำมาโดยตลอดอยู่แล้วในการฝึกฝนพัฒนาทีมแพทย์ภายในของรพ. เพื่อให้มีทักษะที่ดีที่สุด เก่งขึ้น คิดค้นเทคนิคใหม่ เพื่อให้คนไข้ได้ผลออกมาดีที่สุด โดยเป็นการเทรนด์กันภายในรพ. (เนื่องจากมีอาจารย์แพทย์จากโรงเรียนแพทย์หลายท่านที่อยู่ที่เราอยู่แล้ว ทั้ง ศิริราช จุฬาฯ วชิรพยาบาล ) รวมถึงการส่งแพทย์ไปเทรนด์ที่ต่างประเทศอยู่เสมอๆ

“ในเมื่อรู้ว่าคนไทยชอบไปผ่าตัดศัลยกรรมที่เกาหลี เพราะหมอเกาหลีเก่ง ๆ เยอะ ดังเรื่องผ่าตัดใช่ไหม แต่ตัวหมอเกาหลีมาผ่าตัดที่ไทยไม่ได้ (ด้วยข้อจำกัดทางข้อกฎหมาย) จึงคิดต่อว่าทำอย่างไรจึงจะได้ความรู้ตรงนี้แบบแก่นแท้เพื่อให้หมอไทยได้พัฒนาให้เทียบเท่าเค้าจริงๆ ก็มีแต่ต้องได้รับความรู้โดยตรงจากหมอเกาหลีที่เป็นระดับอาจารย์แพทย์ ผมเชื่อในการ R&D การผึกฝนการพัฒนาฝีมือแพทย์และทีมงาน ถ้าหมอเกาหลีผ่าไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเอาหมอเกาหลีมาผ่าตัดแต่เป็นการมาสอนทีมให้เก่งขึ้น”

สุดท้ายก็ตกผลึกได้ถึงวิธีที่จะพัฒนาศักยภาพแพทย์ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจริงๆ นั่นคือการมีที่ปรึกษา การสอน (จากอาจารย์ที่ดีและเชี่ยวชาญโดยแท้จริงแบบ original แท้ๆ ) จึงได้ตัดสินใจลงทุนซื้อรพ.ศัลยกรรมผ่าตัดโครงหน้าที่ประเทศเกาหลีและเชิญศัลยแพทย์ที่เป็นระดับอาจารย์มาอยู่ที่ประเทศไทยเลย เรียกว่าแทบจับมือผ่าก็ว่าได้แบบประกบตัวต่อตัว

“ผมเปรียบเทียบเหมือนหมอเกาหลีเป็นโค้ช และหมอไทยเป็นนักเตะ เราเป็นสโมสรที่มีเป้าหมายคือแชมป์อันหนึ่ง จึงต้องลงทุนจ้างโค้ชที่มีฝีมือดีมาเป็นกุนซือ เพื่อพัฒนา ฝึกฝีมือนักเตะให้เก่ง เพิ่มศักยภาพของทีมและพาทีมไปสู่ระดับโลกให้ได้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน