หากเอ่ยถึงตลาดเสื้อผ้าในกรุงเทพฯ หนึ่งในตลาดที่ยังคงอยู่ในใจผู้คนอยู่เสมอ คงหนีไม่พ้น ‘ตลาดโบ๊เบ๊’ ในฐานะศูนย์เสื้อผ้าค้าส่งที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ไม่ต่ำกว่า 50 ปี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง จำนวนสินค้าที่มีให้เลือกสรรหลากหลาย และรูปแบบการขายในราคาส่ง ที่ยากจะเลียนแบบ แม้จะเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตลาดซบเซาลง แต่จิตวิญญาณของโบ๊เบ๊ไม่เคยจางหาย และได้กลับมาคึกคักเมื่อการถือกำเนิด ‘โบ๊เบ๊ สเตชั่น’ ศูนย์การค้า 24 ชั่วโมง จะปลุกจิตวิญญาณของโบ๊เบ๊ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ตลาดเก่า โบ๊เบ๊

เมื่อเข็มนาฬิกาเดินทางถึงเที่ยงคืน ในขณะที่ทั่วทุกสารทิศกำลังหลับใหลภายใต้ความมืดมิด ซึ่งอาจถือเป็นสัญญาณแห่งการหมดวัน แต่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสถานที่แห่งหนึ่งที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศพร้อมใจกันเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ย่านการค้าที่มีชื่อว่า ‘โบ๊เบ๊’

ต้นตอในอดีตของย่านโบ๊เบ๊เริ่มรู้จักกันในชื่อ ‘ตลาดเก่า’ ซึ่งไม่ปรากฏข้อมูลแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในช่วงเวลาไหน แต่นับได้ว่าเป็นย่านการค้าสำคัญบริเวณคลองมหานาคมาอย่างยาวนาน เมื่อการค้าขายเจริญมากขึ้น ตลาดได้ขยายออกไปด้านข้างเป็น ตลาดกลาง และ ตลาดสามชั้น รวมถึงได้ขยายตัวไปทางฝั่งตรงข้ามคลองผดุงกรุงเกษม ไปจนถึงสะพานเจริญราษฏร 32 และขยายสู่ถนนหลานหลวงในปัจจุบัน

ช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้โบ๊เบ๊เริ่มแตกต่างจากตลาดแห่งอื่น จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ฝังรากลึกเหนือพื้นที่อื่น เริ่มต้นขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงที่สินค้าอุปโภคบริโภคขาดแคลน โดยเฉพาะเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ช่วงเวลานี้เองจึงเริ่มมีผู้คนนำเสื้อผ้าเก่าสภาพดีมาขายหรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าจำเป็นชนิดอื่นๆ ผ่านการวางขายกับพื้นและค่อยๆ เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะตลาดขายเสื้อผ้า และเมื่อสงครามยุติลงจึงเริ่มมีการตั้งร้านค้าเป็นระเบียบมากขึ้นนับตั้งแต่นั้นมา

มนต์เสน่ห์ของโบ๊เบ๊ศูนย์ค้าส่ง

ย้อนกลับไปทศวรรษก่อน หากอยากซื้อเสื้อผ้า คงไม่มีที่ไหนดีไปกว่าย่านโบ๊เบ๊ คำกล่าวข้างต้นคงไม่เกินเลยไปนัก เพราะย่านแห่งนี้เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ตั้งแต่รูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางรถ ทางเรือ หรือแม้แต่ทางรางก็เข้าถึงได้โดยสะดวก ทำเลที่ตั้งติดริมคลองเก่าแก่ มากประวัติศาสตร์ การจัดวางสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อดึงดูดสายตาของลูกค้าให้จับจ้อง เสียงเจี๊ยวจ๊าวของพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่เคยหยุดพัก ประเภทสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมโดยเฉพาะเสื้อผ้า ที่มีให้เลือกสรรครบทุกมิติตามความต้องการ แม้จะไม่ใช่สินค้าแฟชั่นตามยุคสมัย แต่ก็เป็นสินค้าฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม

อีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญที่ดึงดูดผู้ซื้อจากทั่วทุกสารทิศนั่นคือ ความเป็นย่านค้าส่งรายใหญ่ ที่เน้นการขายสินค้า ‘ราคาส่ง’ โดยมีเงื่อนไขในการซื้อสินค้าครั้งละมากๆ ยิ่งมีซื้อจำนวนมากเท่าไหร่ราคาก็จะถูกลง สิ่งนี้เองนอกจากดึงดูดพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการซื้อสินค้าเพื่อไปขายต่อยังพื้นที่อื่นแล้ว ยังทำให้เกิดการนัดรวมกลุ่มของเพื่อนบ้านเพื่อที่จะไปซื้อสินค้าพร้อมกันในราคาส่ง ด้วยมนต์เสน่ห์ทั้งหมดนี้เองได้หลอมหลวมจนกลายเป็นจิตวิญญาณของตลาดโบ๊เบ๊

แม้ตลาดโบ๊เบ๊จะอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวความทรงจำ เอกลักษณ์เห็นเด่นชัดที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่านสถานที่แห่งนี้ก็อาจจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับบริบทของการกลายเป็นเมืองได้มากนัก หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาทัศนียภาพเมือง การคมนาคมติดขัด ความเป็นระเบียบของเมืองสมัยใหม่ จนเกิดโครงการปรับทัศนียภาพครั้งใหญ่บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษมที่พ่อค้าแม่ค้าหลายท่านต้องหาสถานที่ขายแห่งใหม่ นอกจากนี้การเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ และการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้กลายเป็นโจทย์สุดหินที่ทำให้ตลาดโบ๊เบ๊ต้องปรับตัวอย่างฉับพลัน

แต่จิตวิญญาณของโบ๊เบ๊ไม่เคยจางหาย และได้กลับมาเห็นเด่นชัดอีกครั้งเมื่อการกลับมาของ

‘โบ๊เบ๊ สเตชั่น’ ภายใต้การนำทัพของ นายสุรพงษ์ บัณฑุเศรณี ผู้จัดการโครงการโบ๊เบ๊ สเตชั่น ที่ต้องการพลิกฟื้นตลาดโบ๊เบ๊ให้กลับมาอยู่ในใจผู้คน กระตุ้นความคึกคักของย่านโบ๊เบ๊ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

พระอาทิตย์ไม่เคยตกที่ ศูนย์การค้า โบ๊เบ๊ สเตชั่น

นายสุรพงษ์ ฉายภาพที่มาที่ไปของ โบ๊เบ๊ สเตชั่น ว่า จากปัญหา ความสะอาด ความเป็นระเบียบ ทัศนียภาพ ห้องน้ำที่ถูกสุขลักษณะ ที่จอดรถ และอาหาร ได้กลายโจทย์ตั้งแต่วันแรกที่จะเริ่มโครงการ และอีกหนึ่งโจทย์สำคัญคือการรักษาจุดเด่นของโบ๊เบ๊ไว้ ในลักษณะที่นำเอาข้อด้อยต่างๆ ของโบ๊เบ๊ดั้งเดิมมาปรับปรุงใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น ผนวกกับช่วงเวลานั้นเองได้มีการจัดระเบียบพื้นที่ทำให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าต้องมองหาทางเลือกใหม่ในการหาที่ทางทำมาหากิน ซึ่งโบ๊เบ๊ สเตชั่นเองก็ได้กลายเป็นทางเลือกและทางรอดของย่านการค้าแห่งนี้

“พวกเราคือพ่อค้าค้าส่ง เราต้องอยู่ด้วยกัน จะไปกระจัดกระจายแยกกันอยู่คงไม่ดึงดูดผู้ซื้อ ในความจริงประเภทสินค้านี้ต้องอยู่รวมกันเยอะๆ หากเราย้ายสถานที่ไปอยู่เขตอื่นคนจะตามไปหรือไม่ไม่รู้ เราจึงต้องรวมกันถึงจะมีคาแร็กเตอร์ของย่าน มีคาแร็กเตอร์ของตัวเอง ว่านี่คือศูนย์ค้าส่ง ซึ่งปัจจุบันเราก็มีร้านค้าตัดสินใจร่วมเดินทางกับเรามากกว่า 250 ร้านค้า”

โบ๊เบ๊ สเตขั่น สถานีค้าส่ง-ค้าปลีก 24 ชั่วโมงใจกลางโบ๊เบ๊ พร้อมตั้งเป้าสู่การเป็น สถานีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ ไข่แดงกลางตลาดโบ๊เบ๊ ผ่าน 5 กลุยุทธ์ ดังนี้

  1. ตลาดเช้า กลางวัน ยามค่ำ เราก็ไม่ปิด! เพื่อดึงมนต์เสน่ห์ความคึกคักของย่านโบ๊เบ๊ สถานที่แห่งนี้มีสโลแกนหลักว่า ‘เพราะพระอาทิตย์… ไม่เคยตกที่นี่’ ซึ่งสะท้อนความเป็นตัวตนของย่านโบ๊เบ๊ได้เป็นอย่างดี จากเดิมตลาดโบ๊เบ๊มีการแบ่งขายเป็นรอบระหว่างรอบเช้าและรอบดึก ได้เปลี่ยนสู่ห้างค้าส่ง 24 ชั่วโมง แม้จะเปลี่ยนตัวตนสู่ห้างสรรพสินค้าในร่ม แต่จิตวิญญาณของโบ๊เบ๊ยังคงฝั่งแน่น สังเกตุได้จากช่วงเวลาที่มีพ่อค้าแม่ค้าและผู้ซื้อคึกคักมากที่สุดยังคงเป็นช่วงเวลาเดิมคือช่วงตี 1 จนถึงบ่าย 3 โมงเย็น ที่การันตีได้ว่าคึกคักเหมือนเดิมแน่นอน แต่หลังจากช่วงเวลาข้างต้นก็ยังคงมีพ่อค้าแม่ค้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาขายกันตลอดวันอย่างไม่ขาดสาย เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นเรื่องเวลาให้กับผู้ซื้อ
  2. จอดสะดวก ซื้อสบาย ลบภาพจำการวนหาที่จอดรถแสนไกลด้วยที่จอดรถ 3 ชั้นภายในอาคาร ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ซื้อ อีกทั้งเอาใจพ่อค้าแม่ค้าที่มักจะซื้อสินค้าจำนวนมาก ให้สะดวกยิ่งขึ้นกับการรับส่งขึ้นลงสินค้ารอบโครงการ
  3. ห้องเก็บสินค้าให้เช่า นอกจากอำนวยความสะดวกผู้ซื้อแล้วยังมีบริการพื้นที่เก็บของให้เช่ากับผู้ขายในอาคารเชื่อให้เหล่าพ่อค้าสต็อกสินค้าพร้อมขายได้อย่างไม่มีสะดุด และยังมั่นใจได้ว่าสินค้าไม่เสียหายด้วยระบบตรวจจับควัน พร้อมระบบเข้าออกด้วยรหัสคีย์การ์ด
  4. ระบบความปลอดภัย ไม่ว่าจะช้อปเวลาไหนก็หมดกังวล เพราะโบ๊เบ๊ สเตชั่นมี พนักงานรักษาความปลอดภัย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง
  5. อิ่ม ครบ จบในที่เดียว เดินเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่นว่าจะหิว เพราะภายในมีศูนย์อาหาร พลาซ่าในร่ม ที่รวบรวมร้านอาหารอร่อย สะอาด ในราคาที่ย่อมเยาให้ลิ้มรส เหมือนเดินตลาด Night Market

“หลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ จะทำให้ตลาดค้าส่งล้มตายลงหรือไม่ แต่ในความจริงแล้ว ปัจจุบันก็ยังคงมีกลุ่มพ่อค้าส่งที่เขาอยากมาเห็นสินค้าจริงๆ ไม่น้อยเลย ทำให้ตลาดค้าส่งที่มีหน้าร้านแบบนี้มันยังไม่หายไปซะทีเดียว ยังมีคนที่ต้องการจับต้องสินค้า ดูเนื้อผ้า เพื่อซื้อไปขายต่อ แม้กระแสปัจจุบันที่มันมีเรื่องของการซื้อขายบนโซเชียลขึ้น ก็ไม่ได้กลายเป็นข้อเสียเพียงอย่างเดียว

“กลายเป็นว่าพ่อค้าแม่ค้าที่เขาเปิดร้านค้าอยู่ ก็เปิดช่องทางออนไลน์ร่วมไปด้วย แต่ว่าเขาก็ยังอยากมีหน้าร้านอยู่ เพราะว่าเขาเองก็มีลูกค้าประจำของเขาอยู่ที่มาซื้อตั้งแต่ดั้งเดิม กลายเป็นว่าเขาก็จะใช้ทั้งสองแชแนล ทั้งออนไซต์และออน์ไลน์ในการทำมาหากิน”

“เราอยากบอกทุกคนว่าโบ๊เบ๊ยังอยู่ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ย้ายมาที่ โบ๊เบ๊ สเตชั่น ปัจจุบันเราพยายามกลับไปสู่จุดเดิมที่โบ๊เบ๊เคยอยู่ ซึ่งสิ่งนี้เองเป็นเป้าระยะกลางที่เรากำลังทำด้วยความมุ่งมั่น ส่วนในระยะยาวเราตั้งเป้าอยากให้ โบ๊เบ๊ สเตชั่น กลายเป็นจุดนัดพบแห่งใหม่ ของ กทม. ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาทำให้ย่านโบ๊เบ๊กลับมาคึกคักอีกครั้ง” ผู้จัดการโครงการโบ๊เบ๊ สเตชั่น ทิ้งท้าย

อ้างอิง

“โบ๊เบ๊” มาจากไหน? กลายเป็นตลาดขายเสื้อผ้าเมื่อใด? เพราะใคร? | Link

โบ๊เบ๊ สเตชั่น | สถานีค้าส่ง-ค้าปลีก แฟชั่น 24 ชม. ใจกลางโบ๊เบ๊ (bobaestation.com)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน