สวัสดีเดือนธันวาคมที่หลายคนโปรดปราน เพราะนั่นถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตอนนี้เรากำลังจะได้หยุดพักผ่อน หลังจากทำงานหนักมาตลอดทั้งปี บ้างเลือกจะนอนเอนกายอยู่บ้าน อ่านหนังสือ หรือเล่นกับสุนัขตัวโปรด แต่สำหรับใครที่ชอบท่องเที่ยวอยากให้รางวัลตัวเองด้วยการออกเดินทาง ‘ภาคเหนือของไทย’ ก็ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตที่ฤดูหนาวของทุกปีไม่ควรพลาด

เพื่อมอบประสบการณ์สุดพิเศษในเทศกาลสุดพิเศษ พร้อมเติมเต็มการพักผ่อนปลายปีให้ทุกคนได้มีแต่ความสุขกับการเที่ยวในไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงส่งแคมเปญ ‘สุขทันที ปลายปีเที่ยวไทย’ แนะนำ 3 จังหวัดภาคเหนือที่น่าสนใจ อ่านแล้วชอบแบบไหนจิ้มเลือกได้เลย!

  1. ‘เชียงใหม่’ เที่ยวธรรมชาติ สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมเมืองล้านนา

เชียงใหม่ เมืองที่ใครๆ ก็หลงรัก เพราะมีที่เที่ยวธรรมชาติอย่าง ‘ดอยอินทนนท์’ สถานที่ชมธรรมชาติบนยอดดอยสูงสุดของประเทศไทยที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวที่หมอกคลุมทั่วทั้งดอย นอกจากนี้ยังมีพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นอย่าง กุหลาบพันปีและมอสสีเขียว ที่ปกคลุมพื้นที่รอบๆ น้ำตกให้ชื่นชม และยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สามารถเดินชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างใกล้ชิด

หรือจะมาที่ ‘ถนนคนเดิน’ ชมงานฝีมือที่จัดเป็นประจำ โดยเฉพาะในวันเสาร์ที่ ถนนคนเดินวัวลาย และวันอาทิตย์ที่ ถนนคนเดินท่าแพ สัมผัสบรรยากาศวัฒนธรรมท้องถิ่นและเลือกซื้องานฝีมือหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋าผ้าฝ้าย ไปจนถึงของตกแต่งบ้านที่ทำด้วยมือ

ต่อด้วยเสริมสิริมงคลด้วยการไป ‘ไหว้พระทำบุญตามวัดเก่าแก่’ หนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือการขึ้นไป ‘ดอยสุเทพ’ สักการะวัดพระธาตุดอยสุเทพ แลนด์มาร์กสำคัญที่ให้เราได้ชมวิวเมืองเชียงใหม่แบบ 360 องศา โดยเฉพาะในยามเช้าที่มีหมอกบางๆ ปกคลุม เป็นภาพที่สวยงามจนอยากให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาตนเอง

‘เดินป่าศึกษาธรรมชาติ ลุยน้ำตกสวยๆ’ สวรรค์ของคนรักธรรมชาติ ที่นี่มีเส้นทางเดินป่าหลายแห่งที่สามารถไปสำรวจได้ อาทิ เส้นทางออบหลวง ซึ่งเป็นจุดเดินชมวิวภูเขาหินและน้ำตกที่งดงาม หรือจะเป็นน้ำตกแม่สา ที่เป็นน้ำตกยอดฮิต ใครที่รักการเดินป่าหรืออยากสัมผัสธรรมชาติแบบเต็มๆ ไม่ควรพลาด

ปิดท้ายด้วย ‘ชมวิถีชีวิตชุมชนและชิมอาหารพื้นเมือง’ เชียงใหม่เป็นเมืองที่มีอาหารพื้นเมืองอร่อยมากมาย อย่าง ข้าวซอย แกงฮังเล หรือน้ำพริกหนุ่ม สามารถไปลองชิมได้ในตลาดท้องถิ่นหรือร้านอาหารพื้นบ้านต่างๆ นอกจากนี้การไปเยี่ยมชมหมู่บ้านแม่กำปอง ก็จะทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่ายและเป็นมิตรอย่างแท้จริง

  1. ‘เชียงราย’ ชมความงดงามของศิลปะและธรรมชาติที่ลงตัว

เชียงรายไม่เพียงแต่มี ‘วัดร่องขุ่น’ หรือที่รู้จักกันในนาม “วัดขาว” วัดที่โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสีขาวบริสุทธิ์ที่สร้างสรรค์โดยศิลปินชื่อดัง ‘อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์’ ซึ่งผสมผสานความละเอียดอ่อนของศิลปะไทยและความลึกซึ้งทางพุทธศาสนาเข้าด้วยกัน

หรือใครที่ชื่นชอบการดื่มชา ที่นี่ยังมี ‘ไร่ชาฉุยฟง’ ไร่ชาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ทำให้มองเห็นวิวที่สวยงามสุดลูกหูลูกตา พร้อมจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นไร่ชาเรียงรายเป็นชั้นๆ ได้แบบเต็มตา เป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปออกมาได้สวยสุดๆ

ถัดมาขอชวนทุกคนไปสัมผัสประวัติศาสตร์ที่ ‘สามเหลี่ยมทองคำ’ จุดชมวิวริมฝั่งแม่น้ำโขงที่เงียบสงบ ซึ่งเป็นจุดบรรจบของสามประเทศ ไทย ลาว และเมียนมา นอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศริมแม่น้ำที่เงียบสงบแล้ว ยังมีโอกาสได้ขึ้นเรือล่องแม่น้ำชมทิวทัศน์สองฝั่งน้ำอีกด้วย

แวะชมงานศิลป์ที่ ‘บ้านดำ’ แหล่งแรงบันดาลใจของศิลปิน สถานที่รวบรวมผลงานศิลปะหลากหลายสไตล์ของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี บ้านดำมีลักษณะเป็นบ้านไม้ทรงไทยสีดำที่มีการตกแต่งภายในอย่างสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ทั้งงานประติมากรรม ภาพวาด และของสะสมที่สะท้อนถึงความเชื่อและแนวคิดทางปรัชญาของศิลปิน การเดินชมบ้านดำจึงเป็นเหมือนการสัมผัสถึงความคิดและจิตวิญญาณของอาจารย์ถวัลย์ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรักศิลปะได้เป็นอย่างดี

ปิดทริปด้วยการแวะแช่น้ำร้อนท่ามกลางธรรมชาติที่ ‘โป่งพระบาท’ บ่อน้ำพุร้อนอันร่มรื่น แถมยังมีบริการนวดแผนไทยแบบเปิดโล่ง ท่ามกลางบรรยากาศเขียวขจีของต้นไม้ เป็นการปิดท้ายทริปเชียงรายแบบสบายๆ และได้ชาร์จพลังให้เต็มเปี่ยม

  1. ‘แม่ฮ่องสอน’ สวรรค์แห่งทะเลหมอกและวิถีชีวิตชาวเขา

ถ้าเป็นคนที่ชอบบรรยากาศที่สงบสุข ต้องไม่พลาดการมาเยือนแม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของทะเลหมอกและวิวภูเขาที่สวยงาม พร้อมวัฒนธรรมท้องถิ่นที่อบอุ่นและเรียบง่าย

โดยเฉพาะที่ ‘ปาย’ หมู่บ้านเล็กๆ ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว วิถีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายของชาวบ้าน และผู้คนในท้องถิ่นที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับการเยือน บวกกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม โดยเฉพาะในช่วงเช้าตรู่ที่ทะเลหมอกจะปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา และ ‘บ้านจ่าโบ่’ หมู่บ้านชาวเขาที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ที่นี่เราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขา ทั้งการเยี่ยมชมหมู่บ้าน การเรียนรู้วัฒนธรรม รวมไปถึงทะเลหมอกที่สวยงามในยามเช้า บ้านจ่าโบ่ยังเป็นสถานที่ที่มีการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย ภาษา หรือแม้แต่การใช้ชีวิตที่ยังคงรักษาความเป็นมาของชนเผ่าเอาไว้อย่างดี

ดื่มด่ำกับความสงบที่ ‘สะพานซูตองเป้’ สะพานไม้ยาวที่ทอดผ่านทุ่งนาสีเขียวขจี ถูกล้อมรอบด้วยทิวเขาที่เป็นธรรมชาติ เป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ แม่ฮ่องสอนเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นพื้นบ้านและการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เหมาะสำหรับการพักผ่อนชาร์จพลังใจสุดๆ

ปิดท้ายการเดินทางที่ ‘บ่อน้ำพุร้อนบ่อหนองแห้ง’ หลังจากที่เที่ยวท่ามกลางธรรมชาติและสัมผัสวิถีชีวิตชาวเขามาแล้ว การพักผ่อนในบ่อน้ำพุร้อนจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและชาร์จพลังร่างกายได้อย่างเต็มที่

พักผ่อนกับที่พักหลากหลายสไตล์ผ่านการจองเว็บไซต์แคมเปญ ‘สุขทันที ปลายปีเที่ยวไทย’

ททท. ได้รวบรวมโปรโมชันส่วนลดสุดพิเศษ สำหรับสินค้าและบริการท่องเที่ยวจากผู้ประกอบการมากกว่า 200 ราย พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 45% มีที่พักให้เลือกหลากหลายตั้งแต่รีสอร์ตหรู โรงแรมบูทีคเก๋ๆ ไปจนถึงโฮมสเตย์อบอุ่น เรียกได้ว่าเว็บไซต์เดียว มีครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนยุคใหม่

ติดตามรายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ www.สุขทันทีปลายปีเที่ยวไทย.com สามารถเข้าจองได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2567 นี้เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน