บุคคลสำคัญยูเนสโก หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

คอลัมน์ มงคลข่าวสด

หลวงปู่มั่นภูริทัตโตเมื่อวันที่ 25 ..2562 ที่ประชุมใหญ่สมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 40 มีมติรับรองการร่วมเฉลิมฉลองในวาระครบรอบบุคคลสำคัญและเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ในวาระปี 2563-2564 และได้ประกาศให้ยกย่องหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ

พระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ชาวจังหวัดอุบลราชธานี บูรพาจารย์สายพระป่าในประเทศไทย ปฏิบัติตนตามแนวทางคำสอนพระศาสดาอย่างเคร่งครัด และยึดถือธุดงควัตรด้วยจริยวัตรปฏิปทางดงาม

วางแนวทางในการปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แก่สมณะและพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง จนมีพระสงฆ์และฆราวาสเป็นลูกศิษย์จำนวนมาก

แนวคำสอนนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า คำสอนพระป่า (สายพระอาจารย์มั่น)

หลังมรณภาพ ยังคงมีพระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์สืบต่อแนวปฏิปทาธรรมปฏิบัติของท่านสืบมา โดยเรียกว่า พระกรรมฐานสายวัดป่า หรือพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ได้รับยกย่องให้เป็นพระอาจารย์ใหญ่สายวัดป่าสืบมาจนปัจจุบัน

หลวงปู่มั่น สกุลเดิม แก่นแก้ว เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ..2413 รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดที่บ้านคำบง ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี มีพี่น้อง 6 คน ท่านเป็นคนโต อาชีพทำนาทำไร่เป็นพื้นฐาน

การศึกษาอาศัยอา (น้องชายพ่อ) เป็นผู้สอนให้ ด้วยในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน เรียนอักษรไทย อักษรธรรม และอักษรขอม จนสามารถอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว

หลวงปู่มั่น

อายุ 15 ปี บรรพชาที่วัดบ้านคำบง อันเป็นวัดบ้านเกิด ศึกษาพระปริยัติธรรมและพระสูตรต่างๆ จนแตกฉาน อายุ 17 ปี บิดาขอร้องให้สึกเพื่อให้ไปช่วยทำงาน จึงสึกตามคำขอร้อง ทั้งที่เสียดายในการลาจากเพศบรรพชิตที่สุด ถึงกับรำพึงในใจหากมีโอกาสเมื่อใดก็จะกลับเข้ามาบวชอีก

ทั้งยังคิดถึงคำของผู้เป็นยายที่เคยกล่าวในตอนเป็นเด็กอยู่เสมอว่าเมื่อโตขึ้นต้องบวชให้ยายนะ เพราะยายเลี้ยงยาก

เมื่อออกมาช่วยงานพ่อแม่นานพอสมควรแล้ว เห็นว่าสมควรที่จะกลับเข้าไปบวชอีก จึงไปฝากตัวเป็นศิษย์กับ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดศรีทอง หรือ วัดศรีอุบลรัตนารามในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 12 มิ..2436 มีพระอริยกวี (อ่อน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสีเทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูประจักษ์อุบลคุณ (สุ่ย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า ภูริทัตโต

อยู่จำพรรษากับหลวงปู่เสาร์ที่วัดเลียบในตัวเมืองอุบลฯ ได้รับวิธีเจริญกัมมัฏฐานขั้นสมถะใช้คำภาวนาว่าพุทโธเป็นหลัก จนนำไปปฏิบัติให้เกิดผล และสอนผู้อื่นให้เข้าใจ

ในที่สุดก็ออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาสัจธรรมตามป่าเขาลำเนาไพร เมื่อปฏิบัติธรรม ณ ที่ใดก็จะเทศนาอบรมสั่งสอนที่นั่น จนมีศิษย์สายพระกรรมฐานทั่วทุกภาคของประเทศไทย

การเดินธุดงค์ไม่ยึดติดสถานที่ อยู่ภาวนาในสถานที่หลายแห่ง ที่ภาคเหนือท่านอยู่ถึง 12 ปี จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูวินัยธร ฐานานุกรมของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เมื่อครั้งจำพรรษาอยู่จังหวัดเชียงใหม่

พอออกจากเชียงใหม่ ของดในการปฏิบัติตามตำแหน่งหน้าที่ เพราะมีจิตมุ่งมั่นในการปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานฝ่ายเดียว

ในปี พ..2484 ธุดงค์มายังภาคอีสาน และปักหลักจำพรรษาอยู่ที่ชายป่าบ้าน นามน ต่อมาในปี พ..2487 อยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน บั้นปลายชีวิตจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

คติธรรมคำสอนให้ศิษย์เพื่อไว้เตือนสติ 2 ข้อ คือ 1. ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ 2. ได้สมบัติทั้งปวงไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เพราะตนเป็นที่เกิดแห่งสมบัติทั้งปวง

คติธรรมอีกบทหนึ่งที่เทศนาสอนอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคำกลอนภาษาอีสานว่าแก้ให้ตกเน้อ แก้บ่ได้แขวนคอต่องแต่ง แก้บ่พ้นคาก้นย่างยาย คาก้นย่างยาย เวียนตายเวียนเกิด เวียนเอากำเนิดในภาพทั่งสามภพทั่งสามเป็นเฮือนเจ้าอยู่

ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 11 ..2492 ที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร

สิริอายุ 79 ปี พรรษา 56

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน