“เชิด ขันตี ณ พล”

“หลวงปู่มั่น จัตตสัลโล” เป็นพระเถระที่มีวัตรปฏิบัติดี อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนา แม้จะอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิต อีกทั้งยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมเข้มขลัง สืบสายธรรมจากหลวงปู่มี กันตสีโล แห่งวัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย) อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม, หลวงปู่จันทร์ สุภัทโท วัดโคกยาว อ.นาดูน จ.มหาสารคาม และหลวงปู่ออน วัดทรงศิลา (บ้านปลาขาว) อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นอดีตพระเกจิชื่อดัง

ปัจจุบัน สิริอายุ 75 ปี พรรษา 51 ดำรงตำแหน่งประธานสงฆ์วัดเทพกตัญญู ต.สันป่าตอง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ถือเป็นพระเถระที่อายุพรรษามากอีกรูปหนึ่ง

มีนามเดิมว่า มั่น ทองดีเขียว เกิดเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2486 ที่บ้านหัวหนองปลาขาว อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม บิดา-มารดา ชื่อ นายสม-นางด่อง ทองดีเขียว และเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูล

วัยเด็กเป็นคนว่านอนสอนง่าย หลังจบชั้น ป.4 จากโรงเรียนในหมู่บ้าน ออกมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา

ย่างเข้าวัยหนุ่ม ชื่นชอบกีฬาขี่ม้าเป็นพิเศษ เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงม้าไว้ใช้งานหลายตัว จึงนำม้าไปแข่งขันตามหมู่บ้านต่างๆ ในละแวกใกล้เคียง จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่ว ต่อมาท่านได้รับอุบัติเหตุตกม้า นับแต่นั้นจึงเลิกขี่ม้าไปโดยปริยาย

อายุ 24 ปี เกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงเข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดหนองเลา อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม โดยมีพระครูสมณกิจโกศล (ทอง) อดีตพระเกจิ อาจารย์ชื่อดังของอำเภอนาเชือก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับนามฉายาว่า จัตตสัลโล

ภายหลังอุปสมบท กลับมาจำพรรษาที่วัดทรงศิลา (บ้านปลาขาว) มุมานะศึกษาพระธรรมวินัย กระทั่งสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรีและชั้นโท ตามลำดับ ในระหว่างนั้น ศึกษาตำราหลากหลายแขนงควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาษาบาลี ภาษาขอม หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษ

นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจศึกษาด้านวิทยาคม ประมาณปี พ.ศ.2514 เดินทางไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่มี กันตสีโล แห่งวัดป่าสันติธรรม (ดงส้มป่อย)

หลวงปู่มีเมตตาถ่ายทอดวิชาให้ อาทิ ตำราวิชาไก่แก้วหรือนะโมตาบอด เป็นวิชาเอกที่หลวงปู่มีถ่ายทอดให้ ซึ่งพระมั่นมีความวิริยะท่องจำได้อย่างแม่นยำ สมัยก่อนการศึกษาวิทยาคมต้องอาศัยความเพียรเป็นเลิศถึง จะประสบผลสำเร็จ ที่สำคัญต้องท่องให้ได้กับปากจริงๆ พระคาถาบทนั้นๆ ถึงจะขลัง

อีกทั้งยังไปฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมกับหลวงปู่จันทร์ สุภัทโท วัดโคกยาว ถ่ายทอดวิชาทำน้ำมนต์รักษาคนป่วย วิชากันบ้านกันเมือง อยู่ยงคงกระพัน ท่านยังไปศึกษาวิชากับหลวงปู่ออน วัดทรงศิลา (บ้านปลาขาว) ซึ่งพระอาจารย์ที่หลวงปู่มั่นไปฝากตัวศึกษา วิทยาคม ล้วนเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองมหาสารคามในยุคนั้น

ด้วยความที่มีจิตใจแน่วแน่ หลวงปู่มั่น เคยออกเดินธุดงค์ไปจำพรรษาอยู่วัดใน เขต อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ และ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เพื่อสร้างบารมีธรรม

ต่อมาหลวงปู่มั่นจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่วัดทรงศิลา จนถึงปี พ.ศ.2540 ท่านไม่ปรารถนาจะรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดทรงศิลา จึงตัดสินใจออกไปสร้างวัดแห่งใหม่ โดย ร่วมแรงร่วมใจกับญาติโยมสร้าง “วัดเทพกตัญญู” อยู่ติดกับวัดทรงศิลา และท่านดำรงตำแหน่งประธานสงฆ์วัดเทพกตัญญู จนกระทั่งปัจจุบัน

ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดี ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักของสาธุชนชาวอำเภอนาเชือก และพื้นที่ใกล้เคียง ในแต่ละวัน จึงมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์อย่างไม่ขาดสาย สำหรับปัจจัยที่ได้จากการบริจาคท่านนำมาพัฒนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับวัด

ทุกวันนี้ หลวงปู่มั่นสุขภาพท่านไม่ค่อยแข็งแรงนัก ต้องมีลูกศิษย์คอยดูแลช่วยเหลือตลอดเวลา แต่ท่านไม่เคยย่อท้อ ยังคงปฏิบัติศาสนกิจอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนหลักธรรมคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมมาโดยตลอด เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท และให้ยึดศีล 5 ไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพียงเท่านี้จะทำให้ชีวิตพานพบแต่ความสุขความเจริญ

หลวงปู่มั่นมีความเป็นอยู่อย่างสงบเรียบง่าย สงเคราะห์ญาติโยมตลอดเรื่อยมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน