วันที่ 24 เม.ย. นางเจี้ยว อุปัจชา อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 2 ต.ท่าเยี่ยม อ.สากเหล็ก จ.พิจิตร ร้องสื่อขอความเป็นธรรม เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา นายรังสรรค์ อุปัจชา อายุ 40 ปี ลูกชาย ได้กลับจากหาปลาในช่วงกลางคืนและเมื่อเจอตำรวจชุดสายตรวจ สภ.สากเหล็ก เกรงว่าจะถูกตรวจปัสสาวะเพื่อเพิ่งเสพยาบ้ามาเมื่อ 2 วันก่อน จึงได้ขี่รถจยย.หนีตำรวจ แล้วมาจอดทิ้งไว้ที่บ้าน จากนั้น ด.ต.มงคล หมีเปลี่ยน และ ร.ต.อ.สุริยา ชารีนิวัตร จึงได้มาตรวจยึดรถไปไว้ที่ป้อมตำรวจสายตรวจสากเหล็ก
วันรุ่งขึ้นตนพร้อมด้วยหลานชายไปติดต่อขอรับรถจยย.คืน ที่สภ.สากเหล็ก แต่ไม่พบ จึงมาติดต่อที่ป้อมพักสายตรวจสากเหล็ก ปรากฎว่าตำรวจชุดดังกล่าวได้มาพุดคุยกับตนว่า ทำไมไม่พาลูกชายมาด้วยเพราะว่าข้างในรถจยย.มียาบ้าอยู่ 30 เม็ด ตนบอกไปว่าลูกชายกลัวตำรวจ แต่จะมาขอรับรถจยย.คืน ปรากฏว่ามีตำรวจชุดดังกล่าวได้มาพูดคุยว่าหากจะเอารถคืนจะต้องเสียเงินสด 3 หมื่น แต่ตนบอกว่าไม่มี ที่บ้านยากจน ถ้ามีต้องจะต้องไปขอยืมกู้เงินชาวบ้าน
จากนั้นมีการต่อรองเหลือ 2 หมื่นบาท เพื่อนำรถคืนและไม่จับกุมนายรังสรรค์ ในคดียาเสพติด และจะต้องนำเงินมาค่ำคืนนี้เลย หลังจากนั้นตนและหลานจึงไปหยิบยืมเพื่อนบ้านหลายรายรวบรวมกันมาได้เพียง 1.5 หมื่นบาท จึงมาขอผัดผ่อนตำรวจว่ามีแค่นี้ แต่ตำรวจสังเกตเห็นว่าหลานตนอัดคลิปวิดีโอไว้ จึงสั่งให้ลบคลิปดังกล่าว พร้อมกับแจ้งข้อหาตนและหลานว่านำเงินมาติดสินบนเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งจับส่งดำเนินคดี ซึ่งตรงนี้ตนและหลานชายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงเรียกร้องสังคมให้เกิดความเป็นธรรม อีกทั้งการตรวจยึดรถนั้นต้องไปบันทึกจับกุมที่ สภ.สากเหล็ก ไม่ใช่ที่พักสายตรวจ และตอนจับกุมกับเรียกเงินมีตำรวจแค่ 2 คน แต่ตอนหลังมีรายชื่อถึง 8 คน
ขณะที่ พ.ต.อ.ธนสร แสงท่านั่ง ผกก.สากเหล็ก กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ระหว่างวันที่ 26-27 มี.ค.ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีและแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ในคดีให้สินบนเจ้าหน้าที่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นได้สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงกับตำรวจชุดดังกล่าวทั้ง 8 คน พร้อมกับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเงินจริงตามพยานหลักฐานจะเอาผิดทั้งวินัยและอาญาตามกฎหมายต่อไป ส่วนคดีเมื่อลงบันทึกประจำวันแล้วต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย อย่างไรก็จะตามจะให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
