เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง เปิดเผยภายหลังเข้าหารือร่วมกันระหว่าง นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ว่าอธิบดีกรมการแพทย์ได้แถลงผลการวิจัยแล้วก็มาเปิดเผยในห้องประชุมเล็ก ว่าผลการทดลองในหลอดแก้วสมุนไพรตัวนี้มีฤทธิ์น้อยมาก ถ้าใช้สารเคมีหยดลงไปฆ่ามันก็ตาย 70-80 % ผมคิดว่าถ้าใส่สารเคมีหรือน้ำยาล้างห้องน้ำใส่เข้าในหลอดทดลองแก้วมะเร็งก็น่าจะตายนะ

“แต่เราก็ไม่รู้ว่าคนกินแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมก็บอกแล้วของผมเป็นสมุนไพรไทยเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ผมไม่ต้องการให้กินปุ๊บหายปั๊บ เราก็ต้องยอมรับว่าในหลอดทดลองแก้วฆ่าเชื้อไม่ได้เท่าที่ควรเหมือนสารเคมี จากการผลการทดลองที่ผู้ใหญ่ที่ได้กินยา จริงๆการที่ได้ผลในหลอดทดลองแก้วกับไม่ได้ผล คือ เขายังไม่ได้ทดลองในร่างกายคน ในหลอดทดลองแก้ว ความจริงก็ไม่ต้องเอาสมุนไพรผมใส่หรอก เอาน้ำยาล้างห้องน้ำใส่เข้าไปก็น่าจะฆ่าได้นะ ทางโรงพยาบาลไม่ได้ไล่กลับบ้านอยู่แล้ว คุณรักษาได้ถึงวินาทีสุดท้าย ตายที่โรงพยาบาล หรือตายที่บ้าน เขาก็พร้อมอยู่แล้ว”

หมอแสง กล่าวต่อว่า ที่ได้ข่าวว่าโรงพยาบาลไล่กลับนั้นแสดงว่าคนพูดส่งเดช โรงพยาบาลไม่กล้าไล่ โรงพยาบาลพร้อมดูแลจนตาย ไม่มีไล่กลับหรือถ้ากลับไปอยู่บ้านเราก็มีโฮมแคร์แต่ละจังหวัดไปดูแล ผมก็เพิ่งไดยินโฮมแคร์ คืออะไรก็ถามผู้รู้มีโฮมแคร์ที่ไหนบ้างที่มีคนป่วย คนป่วยตามบ้านที่เป็นมะเร็งที่หมอให้กลับไปรักษาตามบ้านว่ามีใครได้รักษาจากโฮมแคร์บ้าง จากกรณีที่พบผู้ป่วยจำนวนมากที่มารับยาที่บ้านหมอแสง ที่ถูกปฏิเสธจากแพทย์ให้ไปรักษาตามอาการที่บ้าน แสดงว่าเขาพูดพล่อยๆ คนที่พูดอย่างนั้นก็ไปพูดกับอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย ไม่ใช่มาพูดกับพวกเรา

“ตอนนี้มีคนไข้ไปขอใบรับรองแพทย์ ทางโรงพยาบาลก็พูดว่า ถ้าไปกินยาหมอแสงแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ไม่มีที่ไหนกล้าพูดแบบนั้นหรอก ตามจรรยาบรรณแพทย์คงไม่พูด คนไข้พูดกันไปเอง จริงๆเราบอกทุกครั้งว่าให้รักษาควบคู่กันไป 1, 2 เราจะเสียโอกาสการรักษา ให้ไปรักษาโรงพยาบาลของรัฐ ค่าใช้จ่ายฟรีทุกอย่าง ยกเว้นค่ากิน ค่าเดินทาง คนที่ไม่มีค่ากินค่าเดินทางไม่รู้รัฐจะช่วยอย่างไร อย่างคนไกลๆ ชนบทที่เข้าไปสถาบันมะเร็งไม่ได้ เราไม่ทราบว่าเขาไปอย่างไง สถาบันมะเร็งมีงบประมาณให้ไหม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป เขาก็คงไม่มี”

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีสำนักนายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานต่อยอดหมอแสงชัย นั้นหมอแสงมีความเห็นอย่างไร หมอแสง กล่าวว่า จริงๆเขาจะต่อยอดไปเรื่อย เพราะนายกไม่ได้จบแพทย์ก็คงไม่รู้หรอก ว่าในขวดทดลองแก้วเอาเชื้อมะเร็งใส่ เอาเคมีใส่แล้วมันตาย เอาสมุนไพรใส่แล้วไม่ตาย นายกฯก็คงไม่รู้นะ เพราะนายกไม่ได้จบแพทย์เหมือนผม จริงๆแล้วถ้าคิดว่าในขวดทดลองแก้วเอาสารเคมีใส่ตาย น้ำยาล้างห้องน้ำใส่คงตายเหมือนกัน ไม่เป็นไรเราก็ทำไป ก็บอกแล้วรักษาควบคู่กันไป ถ้าใครข้องใจก็ไม่ต้องมา ไม่เชื่อก็อย่ามากิน ก็ยังเห็นหมอมากินกันหลายคน

หมอแสง กล่าวด้วยว่า ก็อยากบอกว่าคนมีความรู้ให้ไปรักษาสถาบันมะเร็งก่อน อย่าหน้าด้านมาเลย เหมือนกับผมไปทำให้คนเชื่อ แต่ทำไมภาครัฐมีทั้งงบประมาณและบุคลากรเยอะแยะ ทำไมไม่ทำให้ประชาชนเชื่อว่าสารเคมีดีนะ อันนี้แล้วแต่ภาครัฐทำอย่างไรให้คนเชื่อ ส่วนที่มีการทดลองยาเบญจอมฤตทางกรมการแพทย์นั้น ได้สอบถามแล้วว่าเบญจอมฤต ทางกรมการแพทย์ ได้มีการนำไปวิลัยทดลองบ้างหรือไม่ ได้รับคำตอบว่าไม่ได้ส่งไปให้ หมอทำไม่ผิด แต่เราทำผิด เห็นส่งยาเบญจอมฤตไปหลายโรงพยาบาล เขาบอกว่าทำแล้ว ปากบอกทำแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำจริงหรือเปล่า แต่ของเราผู้ที่สมัครมากินสมุนไพรไทย สมุนไพรพื้นบ้านก็มา ถ้าไม่สมัครใจก็ไปรักษาเคมีก่อน ถ้าเคมีไม่ไหวก็มาหาเราดีกว่า

“ถ้าของเราไม่ดี อันตราย หนังสือมาวันไหน เราก็หยุดวันนั้นเลย เราก็ให้ต่างชาติไปประเทศไทยเราไม่ว่าจะทำอะไรเคยได้เปรียบต่างชาติไหม เสียเปรียบตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามา อยากเห็นใครได้ดี อยากเห็นคนเก่งไหม อยากเห็นคนช่วยเหลือคนก็ไม่เป็นไร ถ้าคิดว่าไม่ดีเราก็ให้ต่างชาติไป ตอนนี้มีหมอเยอรมัน แพทย์จากอเมริกา ก็มาดูถ้าไม่ดีเขาคงไม่ส่งคนป่วยมารักษาที่ผมหรอก ต่างประเทศเริ่มยอมรับ แต่คนไทยไม่ได้ เขาเรียนกันมาสูง

แต่เราเรียนมาแค่หมอพื้นบ้าน รักษามะเร็งแค่เล็กๆน้อยๆ คงเทียบเขาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็ขายต่างชาติเขาไป ไม่เป็นไร อนาคตต่อไปนี้จะผลิตน้อยลงไปนิดหนึ่ง บอกแล้วทุกคน ถ้าไม่ดีก็ไม่ต้องมากิน เปลือง ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราที่มากินยา ยังไม่กล้าเปิดตัวว่ากินยาหมอแสง ก็เปลืองนะอย่ามา คนไหนกินแล้วยังหลบๆกินแล้วไม่กล้าออกข่าว ถ้าหน้าด้านอย่างนี้หน้าด้านต่อไปอย่ากินเลยเปลือง สงสารคนจนที่เขาไม่มีทางเลือกกินกันดีกว่ากินแล้วอาย” หมอแสง ระบุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน