จากคดีฆาตกรรมน.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ หรือน้องสโนว์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนประจำอำเภอร่องคำ อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งถูกคนร้ายตามถีบรถจักรยานยนต์ล้ม ก่อนจะทุบตีทำร้ายและพยายามข่มขืน แต่เหยื่อฮึดสู้จนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 ที่ริมถนนบ้านสีถาน-โนเมือง ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์

ซึ่งคดีนี้มีการจับกุมและส่งฟ้องนายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน ม.15 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ และผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและต่อสู้คดีมาโดยตลอด กระทั่งศาลจังหวัดกาฬสินธุ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 ให้ประหารชีวิตนายกฤติเดช ระเวงวรรณ และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท ซึ่งแม้เหตุการณ์ดังกล่าว จะผ่านมานานกว่า 2 ปี 4 เดือนแล้ว ครอบครัวน้องสโนว์ยังคงไม่เคยลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต เนื่องจากเป็นการพรากชีวิตคนในครอบครัวไปอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับ และต้องต่อสู้คดีเพื่อให้น้องสโนว์ได้รับความเป็นธรรม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เข้าไปสอบความความเป็นอยู่ของครอบครัวน้องสโนว์ที่บ้านเลขที่ 94 บ้านโนเมือง ม.12 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งพบกับนายกฤษณ์ นางลำไย พลประสิทธิ์ พ่อแม่น้องสโนว์ และน.ส.ภัทรานิตย์ พลประสิทธิ์ พี่สาวน้องสโนว์ ซึ่งยังคงใช้ชีวิตปกติประจำวัน ซึ่งนางลำไยยังคงยึดอาชีพขายกระเป๋าและร้องเท้าที่ตลาดนัด อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ส่วนน.ส.ภัทรานิตย์ดูแลลูกและเปิดร้านขายของชำเล็กๆอยู่ที่บ้าน พร้อมกับนำภาพถ่ายน้องสาวทั้งจากภาพที่ล้างอัดมาแล้ว และภาพเก่าในเฟซบุ๊กของน้องสโนว์กว่า 200 ภาพ มาติดไว้ข้างฝาผนังบ้าน เพื่อให้น้องสาวเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว อีกทั้งยังคงทำความสะอาดภาพถ่ายของน้องอยู่เป็นประจำ

นางลำไย กล่าวว่า แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 2558 และน้องสโนว์เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 258 ซึ่งเวลาผ่านมานานกว่า 2 ปี 4 เดือนแล้ว แต่คนในครอบครัวทุกคนก็ไม่เคยลืม เพราะเป็นเหมือนฝันร้ายที่เกิดขึ้นทุกวัน และยังจำเหตุการณ์ได้ดี ซึ่งทุกวันที่ไปขายกระเป๋าและเสื้อผ้าจะขับรถผ่านจุดต่างๆ โดยเฉพาะหน้าโรงเรียน และจุดเกิดเหตุที่คนร้ายทำร้ายร่างกายน้องสโนว์ ก็ยิ่งทำให้คิดถึงลูกสาว ซึ่งทุกวันนี้ทำได้เพียงดูภาพถ่ายของน้องสโนว์ที่พี่สาวนำมาติดไว้ข้างฝาบ้าน และมีบ่อยครั้งที่ตนฝันเห็นลูกมาเยี่ยม และมาคอยถามข่าว

นางลำไย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ครอบครัวได้ทำบุญให้น้องสโนว์เป็นประจำ โดยเฉพาะวันเกิด และวันที่น้องเสียชีวิต พร้อมทั้งคอยปลอบใจกันและกัน เพื่อที่จะเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป ซึ่งตนก็ยังคงแต่งชุดขาวไว้ทุกข์กับลูกสาวตลอดชีวิตเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม หากน้องสโนว์ไม่ประสบกับเหตุการณ์ร้ายๆและเสียชีวิต ป่านนี้ก็คงศึกษาอยู่วิทยาลัยพยาบาล จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ตั้งใจหวัง โดยเฉพาะความฝันที่อยากเป็นพยาบาลช่วยเหลือผู้คน








Advertisement

ด้าน น.ส.ภัทรานิตย์ กล่าวว่า หลังจากน้องสาวจากไป ตนคอยดูแลปลอบใจแม่และพ่อ เพื่อไม่ให้เกิดความเหงา ซึ่งขณะนี้ยังดีเพราะมีหลานสาว 2 คน ไว้คอยเป็นเพื่อนให้กับพ่อและแม่ ทั้งนี้ มีบางคืนและบ่อยครั้งเห็นแม่ตื่นขึ้นมานั่งร้องไห้ เพราะคิดถึงน้องสโนว์ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพียงได้แค่ปลอบใจกันและกันเท่านั้น พร้อมกับนำภาพของน้องที่ถ่ายและล้างเก็บไว้ และภาพจากเฟซบุ๊กเก่าๆของน้องสโนว์มาติดไว้ข้างฝา ซึ่งมีตั้งแต่ภาพถ่ายตั้งแต่ตอนเด็กจนถึงก่อนเสียชีวิต เพื่อให้น้องสโนว์ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเสมอ และให้แม่กับพ่อได้ดูเวลาคิดถึงน้อง

น.ส.ภัทรานิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของคดีนั้น ขณะนี้ทราบว่าจำเลยยื่นอุทธรณ์ในคำตัดสิน ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และเชื่อว่าบุญบาปกรรมนั้นมีจริง ใครทำอะไรไว้ก็จะได้รับผลนั้น อีกทั้งยังเชื่อมั่นกระบนวนการยุติธรรม แต่ในส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง ขณะนี้ครอบครัวยังไม่ได้รับการชดใช้แต่อย่างใด และไม่ทราบว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

ขณะที่ ร.ต.อ.อิทธิศักดิ์ วชิระพิภัทร์กุล อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 ให้ประหารชีวิตนายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2560 และทางสำนักงานอัยการจังหวัดได้ยื่นแก้อุทธรณ์จำเลยเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2560 ซึ่งขณะที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทรธรณ์ภาค 4

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน