จากกรณีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรชื่อดัง เข้าพิธีบวชที่วัดหนองกระทุ่ม ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับฉายา “วชิรมโน” โดยพระสรยุทธ์ แจ้งความประสงค์ว่า ต้องการบวชเป็นเวลา 15 วันเพื่ออุทิศบุญกุศลให้กับคุณแม่ที่มีอาการป่วย โดยมีพระครูอนุรักษ์ สันติธรรม หรือหลวงพ่อใหญ่ วัดหนองกระทุ่ม เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา

ต่อมาพระครูอนุรักษ์ สันติธรรม หรือหลวงพ่อใหญ่ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้พระสรยุทธ ได้เกิดอาพาธหนักต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลปากช่องนานาเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยมีอาการความดันสูง ต้องให้เครื่องช่วยหายใจ ทั้งนี้ ทราบจากลูกศิษย์ลูกหาว่าสาเหตุที่พระครูอนุรักษ์อาพาธเพราะเครียดที่โดนญาติโยนบอกว่าสำนักพระพุทธศาสนาจะเอาเรื่องกรณีบวชให้พระสรยุทธ ทั้งที่ต้องคดีอาญา อ้างว่าผิดวินัยสงฆ์

ล่าสุดช่วงบ่ายวันที่ 26 เม.ย. นายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ในกรณีพระอุปัชฌาย์ที่ประกอบพิธีอุปสมบทให้พระสรยุทธ ดำเนินการด้วยไม่มีเจตนา ไม่ทราบถึงเรื่องคดีความ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงไม่มีเจตนากระทำความผิด แต่การพิจารณาความผิดของพระอุปัชฌาย์ มิใช่หน้าที่ของสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมหรือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แต่เป็นอำนาจในส่วนของพระสังฆาธิการเจ้าคณะปกครองในเขตของวัดหนองกระทุ่ม จ.นครราชสีมา เป็นผู้พิจารณา

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือนกับกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต เลขาธิการ กปปส. ที่เคยต้องคดีร้ายแรง เคยเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดท่าไทร จ.สุราษฎร์ธานีหรือไม่ นายสิปป์บวรกล่าวว่า กรณีนายสุเทพก็เป็นวิจารณญาณของพระอุปัชฌาย์ที่เคยให้นายสุเทพบวช อาจโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เหมือนกัน แต่หากพิจารณาตามกฎมหาเถรฯ ข้อ 14 ก็ไม่สมควรให้บวช แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมาแล้ว คงจะทำอะไรไม่ได้ และคงไม่สามารถไปพิจารณาความผิดของพระอุปัชฌาย์นายสุเทพได้ เนื่องจากท่านคงไม่มีเจตนา ไม่ทราบเรื่องความผิดร้ายแรง ซึ่งในเรื่องเหล่านี้ ต่อไปพระอุปัชฌาย์คงต้องระมัดระวังและพิจารณาให้ดีเสียก่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน