วันที่ 26 เม.ย. จากกรณีได้มีผู้ใช้เฟสบุค “Weera Boonjit” โพสต์คลิปวีดีโอรถยนต์กระบะคันหนึ่งวิ่งแช่ขวาไม่หลีกทางให้รถฉุกเฉินที่กำลังจะไปรับผู้ประสบเหตุจมน้ำ พร้อมข้อความว่า “EMS ออกรับผู้ป่วย จมน้ำที่น้ำตกซับชมพู ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เสียงในรถดังขนาดนี้ แล้วข้างนอกจะดังขนาดไหน ให้ทางรถกู้ชีพ”
ต่อมามีผู้ใช้เฟสบุค “สุภาพร” ได้โพสต์คลิปวีดีโอพลเมืองดีกำลังปั๊มหัวใจและผายปอดเพื่อช่วยเหลือผู้ที่จมน้ำพร้อมข้อความว่า “ลุงโจ้ย จมน้ำ ม.8 ซับแห้ง” ซึ่งต่อมาได้มีพลเมืองดีนำผู้ที่จมน้ำไปส่งที่โรงพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ทำการช่วยเหลือจนสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังโรงพยาบาลหนองไผ่เพื่อพบกับพนักงานขับรถกู้ชีพโรงพยาบาลหนองไผ่ ผู้โพสต์คลิปดังกล่าว ระบุว่า หลังจากได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนจมน้ำที่น้ำตกซับชมพู จึงนำรถกู้ชีพซึ่งเป็นรถตู้พร้อมด้วยทีมกู้ชีพอีก 4 คน ออกไปช่วยเหลือระหว่างทางได้เปิดสัญญาณไฟและเสียงฉุกเฉินเพื่อขอทางซึ่งรถคันอื่น ๆ ก็หลบทางให้ แต่มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งอยู่เลนขวาและไม่หลีกทางให้
ตนจึงเปลี่ยนสัญณาณเสียงไซเรนให้ดังขึ้น พร้อมทั้งใช้เสียงประกาศเพื่อขอทาง แต่รถคันดังกล่าวยังวิ่งไปอีกระยะหนึ่ง กระทั่งตนสังเกตเห็นว่าคนที่นั่งข้างคนขับได้สะกิดบอกให้คนขับหลบทางให้ รถยนต์คันดังกล่าวจึงหลบ ทีมกู้ชีพได้ให้การช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้
พนักงานคนขับรถกู้ชีพกล่าวต่อว่า หลังจากที่โพสต์คลิปไปแล้วมีบางคนให้ความเห็นว่าทำไมไม่แซงซ้าย ทั้งๆที่บางช่วงเลนฝั่งซ้ายก็ว่า ในส่วนนี้ตนในฐานะคนขับรถกู้ชีพก็อยากจะไปให้ถึงจุดเกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องขับด้วยความระมัดระวังที่สุด เพราะในรถกู้ชีพซึ่งเป็นรถตู้มีเจ้าหน้าที่อีก 4 คน รวมทั้งเครื่องมือต่าง ๆ ภายในรถอีกจำนวนมาก
หากแซงซ้ายด้วยความเร็วก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ อย่างไรก็ตามตนจึงอยากจะฝากไปถึงผู้ที่ใช้รถใช้ถนนหากพบรถฉุกเฉินก็ขอให้หลีกทางให้ด้วย เพราะเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจจะเป็นเวลาที่สามารถช่วยชีวิตผู้อื่นได้
Advertisement
น.ส.สุภาพร พรมเวียง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปขณะที่กำลังให้การช่วยเหลือผู้ที่จมน้ำ เปิดเผยว่าในวันเกิดเหตุตน เพื่อนๆ และญาติ ๆ ได้มาเที่ยวสวนน้ำดังกล่าว เมื่อไปถึงได้มีตนตะโกนว่ามีคนจมน้ำ
ทราบภายหลังว่าคือนายจรัญ วิเชียรศรี เป็นญาติกับตนเอง จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือโดยมีเพื่อนอีกคนทำการ ผายปอดและปั๊มหัวใจทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้และทำไปด้วยสัญชาตญาณ ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ จากนั้นได้โทรแจ้งโรงพยาบาล แต่อาการของนายจรัญไม่ดีขึ้นจึงนำตัวขึ้นรถยนต์และรีบขับไปส่งโรงพยาบาลแต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
น.ส.สุภาพร เปิดเผยต่อว่ายิ่งตนมาเห็นคลิปรถยนต์กระบะวิ่งแช่ขวาไม่หลีกทางให้รถกู้ชีพที่จะมารับนายจรัญทำให้รถกู้ชีพมาถึงช้าแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม ซึ่งหากรถคันดังกล่าวหลบให้ก็อาจจะทำให้มาช่วยชีวิตนายจรัญได้ทัน เพราะแรก ๆ ระหว่างทางที่นำตัวนายจรัญส่งโรงพยาบาลนายจรัญยังมีอาการตอบสนอง
ถ้าถึงมีแพทย์หรือได้รับการช่วยเหลือเร็วกว่านี้ก็อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็เป็นได้ และนอกจากนั้นตนก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกวดขันผู้ที่ให้บริการเกี่ยวกับสวนน้ำ ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้คอยดูแลและช่วยเหลือตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ หากมีเหตุการณ์คนจมน้ำหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นภายในสวนน้ำจะได้ช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
