วันที่ 3 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานที่ศาลาประชาคมบ้านสวนป่า ม.11 ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี มีกลุ่มตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ อ.สิรินธร มารวมตัวกันเพื่อขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน ในกรณีที่ชาวบ้านจำนวน 30 ราย ตกเป็นหนี้ทั้งเป็นผู้ซื้อ และผู้ค้ำประกัน ในการซื้อปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ จากสหกรณ์การเกษตรบ้านแพรก จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา และมีหนังสือทวงหนี้ จากสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง

บอกว่าชาวบ้านทั้ง 30 รายนั้นได้ไปซื้อและค้ำประกันปุ๋ยอินทรีย์ จำนวน 20 ตัน และอีก 400 กระสอบ รวมเป็นเงิน 496,000 บาท และปุ๋ยเคมี จำนวน 5 ตัน และอีก 50 กระสอบ เป็นเงินจำนวน 316,000 บาท รวมเป็นหนี้สินที่ชาวบ้านทั้ง 30 ราย ต้องชดใช้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 812,000 บาท แต่ชาวบ้านทั้งหมดบอกว่า ไม่เคยได้ไปทำสัญญาซื้อหรือค้ำประกันเอาปุ๋ยมา แต่เหตุใดถึงกลายมาเป็นหนี้จำนวนมากนี้ได้

นายแลน อินโสม ชาว อ.สิรินธร กล่าวว่าตนรู้สึกตกใจแทบทรุดเมื่อรู้ว่ามีหนังสือมาทวงหนี้ทั้งที่ตนไม่เคยได้ซื้อปุ๋ยจากสหกรณ์ดังกล่าว มีเพียงแต่เป็นผู้ซื้อรายย่อยที่ซื้อมากจากนายส. (นามสมมุติ) จำนวน 10 กระสอบเท่านั้น รวมเป็นเงิน10,000 บาท และจ่ายค่าปุ๋ยไปแล้ว แต่รู้สึกแปลกใจอยู่ว่าตอนไปซื้อกับนายส. เหตุใดต้องใช้เอกสารบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน เพราะเป็นผู้ซื้อรายย่อย แต่ก็ได้เอาเอกสารให้กับนายส.ไป

ขณะที่น.ส.อ่อนสี กองแก้ว ผู้ตกเป็นผู้ค้ำเปิดเผยว่าตนไม่เคยได้ไปซื้อปุ๋ยหรือได้ค้ำประกันเกี่ยวกับปุ๋ยของสหกรณ์การเกษตรบ้านแพรกเลย แต่เหตุใดตนตกมาเป็นหนี้ได้ โดยในปี 2560 ตนก็เคยถูกทวงหนี้ว่าเป็นผู้ซื้อปุ๋ยจากสหกรณ์ดังกล่าว เป็นมูลค่า 412,000 บาท แต่เรื่องเงียบไป ต่อมาในปีนี้มีหนังสือมาทวงหนี้อีก แถมตอนไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช่องเม็ก ตำรวจกลับไม่รับแจ้งความ โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีแพ่ง ขอให้ผู้เสียหายไปตกลงกับสหกรณ์เอง

น.ส.อ่อนสี กล่าวว่าเมื่อหลายปีก่อนตนเคยเอาเอกสารบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านไปให้นายส. แต่เป็นการให้เอกสารเพื่อทำโครงการขอโค-กระบือ แต่โครงการไม่มีคืบหน้าแถมยังมาตกเป็นหนี้อีก จึงได้มาขอความเป็นธรรมและอยากให้เจ้าหน้าที่ได้มาช่วยเหลือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน