เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 4 พ.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วยพ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2, พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. และพ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท.1 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวทุกสถานีปฏิบัติการออกระดมกวาดล้างอาชญากรรม และบูรณาการกำลังจากหน่วยงานภาครัฐหลายฝ่าย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.สปพ.191, หน่วยอรินทราช 26, หน่วยรบพิเศษสยบไพรี จาก บช.ปส., บช.ก., สตม. และสน.ห้วยขวาง ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นบ้านบุคคลเป้าหมาย บุคคลต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย 129 เป้าหมายทั่วประเทศ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 64 ราย

โดยจับกุมในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต” 5 ราย แบ่งเป็นสัญชาติลาว 1 ราย, อินเดีย 1 ราย, เวียดนาม 1 ราย, รัสเซีย 1 ราย และเมียนมา 1 ราย จับกุมข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” 51 ราย แบ่งเป็นสัญชาติเมียนมา 30 ราย, กัมพูชา 10 ราย, ลาว 8 ราย, อินเดีย 1 ราย, เวียดนาม 1 ราย และเซียร์ราลีโอน 1 ราย และจับกุมข้อหาอื่นๆ 8 ราย แบ่งเป็นสัญชาติไนจีเรีย 2 ราย, อินเดีย 2 ราย, จีน 1 ราย, เมียนมา 1 ราย, ไทย 1 ราย และกานา 1 ราย

สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้ได้ทำการตรวจสอบเป้าหมาย 129 เป้าหมาย แบ่งเป็นเป้าหมายโรงเรียนนานาชาติ 7 เป้าหมาย สถาบันสอนภาษา 15 เป้าหมาย โรงเรียนสามัญ 49 เป้าหมาย และเป้าหมายอื่นๆ 58 เป้าหมาย นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการสืบสวนการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ โดยพบหญิงชาวยูกันดาถูกหลอกมาค้าประเวณี ที่บริเวณซ.นานา ถ.สุขุมวิท จำนวน 8 ราย ซึ่งได้คัดแยกสัมภาษณ์เหยื่อเบื้องต้นพบว่า เป็นเหยื่อที่ถูกหลอกมาค้าประเวณี 2 ราย และส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการเหยื่อตามกระบวนการค้ามนุษย์ต่อไป ทั้งนี้ จากการปฏิบัติการตามยุทธการ 24 ครั้ง ตรวจค้นเป้าหมาย 3,376 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ทั้งหมด 1,088 ราย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยงานอื่นๆ จะยังคงปฏิบัติการตรวจสอบบุคคลชาวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและเข้ามาก่ออาชญากรรมในลักษณะต่าง ทั้งแก็งคอลเซ็นเตอร์ แก็งโรแมนสแกม ที่เข้ามาหลอกแต่งงานและกลุ่มที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในคราบของนักท่องเที่ยวให้มีจำนวนลดลงให้มากที่สุด ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ได้สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับประเทศไทย โดยเมื่อทางการเราจับได้จะดำเนินการขึ้นแบล็คลิส ห้ามเข้าประเทศ และจะผลักดันส่งกลับประเทศทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน