อดีตลูกเขย ชักปืนจ่อยิงแม่ยายดับ คนรักเก่าเจ็บหนัก ปมเคลียร์ปัญหาเรื่องบ้านไม่ลงตัว

เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 14 พ.ค. พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ ศริกุล สว.สส.สภ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายพื้นที่ ม.15 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ ผกก.สภ.เวียงสระ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 และเจ้าหน้ากุศลเคราะห์บ้านส้อง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน ชั้นเดียวบริเวณหน้าบ้านพบกองเลือดและปลอกกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 6 ปลอก ตกอยู่มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อ นางจันทร์เพ็ญ ชูนาค อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 172 ม.15 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี มีบาดแผลถูกยิงเข้า ขา 1 แผล หน้าอก 1 แผล และมือ 1 แผล อาการสาหัส และนางพิณ ชูนาค อายุ 82 ปี แม่นางจันทร์เพ็ญ อยู่บ้านเดียวกัน ถูกยิงเข้าหลัง และ สะโพก เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายชำนาญ เชื้อเจ้า อายุ 53 ปี ที่อยู่ 183/4 ม.3 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นอดีตสามีนางจันทร์เพ็ญ ซึ่งหย่าร้างกันมาหลายปีแล้ว โดยทั้งสองมีบุตรชายหนึ่งคนอายุ 15 ปี แต่หลังหย่าร้างแยกกันอยู่นายชำนาญ ยังคงหึงหวงภรรยาเก่า จนระยะหลังทราบข่าวระแคะระคายว่านางจันทร์เพ็ญ กำลังจะมีสามีใหม่ เช้าวันนี้จึงเดินทางมาเพื่อพูดคุยตกลงกับนางจันทร์เพ็ญ ว่าให้สามารถมีสามีใหม่ได้ แต่จะไม่ยินยอมให้นางจันทร์เพ็ญ นำสามีใหม่มาอาศัยอยู่ในบ้านหลัง ที่เกิดเหตุ ซึ่งนายชำนาญร่วมสร้างมาด้วยกัน และหวังให้เป็นบ้านของลูกชาย เพราะเกรงว่าหากสามีใหม่เข้ามาอยู่ด้วยจะมีปัญหากับลูกชาย จึงเข้ามาพูดคุยห้ามปรามแต่ระวังนั้นนางพิณ ผู้ตายซึ่งเป็นอดีตแม่ยาย ได้พูดโต้เถียงกันว่าถ้าไม่ให้สามีใหม่มาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้จะให้สามีใหม่ของลูกสาวไปอยู่ที่ไหน ทำให้นายชำนาญไม่พอใจ ใช้ปืนขนาด .380 ที่นำพกติดตัวมากระหน่ำยิงใส่อดีตภรรยา และนางพิณ 6 นัด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

จากนั้น พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ ผกก.สภ.เวียงสระ นำกำลังไปที่บ้านเลขที่183/4 ม.3 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี พบนายชำนาญ ผู้ก่อเหตุ อยู่ในบ้านพร้อมปืนขนาด.380 จึงนำตัวมาสอบสวน

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ตำรวจจึงแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำตัวส่งดำเนินคีตามกฎหมายต่อไป