“บิ๊กเข้” เชื่อมั่นกำลังพลสำรองตอบสนองภารกิจเพื่อชาติมีประสิทธิภาพ พร้อมชมโชว์ศักยภาพกำลังพลสำรอง 3 เหล่าทัพปี 61 ด้านเจ้ากรมสรรพกำลังกห. เปรียบกำพลสำรองเป็นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของประเทศ ยันไม่เกี่ยวการเมือง

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) “บิ๊กเข้” พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรอง 3 เหล่าทัพ ประจำปี 2561 มียอดรวมทั้งสิ้น 377 นาย แยกเป็น กองทัพบก 207 นาย กองทัพเรือ 110 นาย และกองทัพอากาศ 60 นาย

ซึ่งเป็นบุคคลที่ผ่านการฝึกวิชาทหาร ในสถานะนักศึกษาวิชาทหารหรือทหารกองประจำการจากกองทัพมาแล้ว ที่ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมได้นำพ.ร.บ.กำลังพลสำรอง พ.ศ. 2558 มาบริหารจัดการกลุ่มบุคคลที่เป็นกำลังพลสำรองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

โดยในวันนี้มีการปฏิบัติในการแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรอง กองทัพบกสาธิตการตรวจสอบสภาพความพร้อมรบของกำลังพลสำรองระดับหน่วยกองร้อยอาวุธเบาและแสดงการใช้อาวุธประจำหน่วย กองทัพเรือสาธิตการตรวจค้นเรือประมง รวมถึงการนำเรือด้วยเครื่องฝึกเดินเรือจำลอง และกองทัพอากาศสาธิตการป้องกันฐานบิน

นอกจากนี้ ทางกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้จัดทำบอร์ดประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกิจการกำลังพลสำรองด้วย

พล.อ.เทพพงศ์ กล่าวว่า ตามพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 กำหนดให้กระทรวงกลาโหมมีบทบาทหน้าที่พิทักษ์เอกราช ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รักษาผลประโยชน์ของชาติ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พัฒนาประเทศเพื่อความมั่นคง และการแก้ไขปัญหาช่วยเหลือประชาชน

ซึ่งจากบทบาทหน้าที่ต่างๆกระทรวงกลาโหมจำเป็นต้องจัดให้มีกำลังประจำการและกำลังสำรองที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพสามารถปฏิบัติบทบาทหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดหรือได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ตามพ.ร.บ.กำลังพลสำรองพ.ศ. 2558 กำลังพลสำรองจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบหลักโดยทั่วไปคือการรับการเรียกพล

เพื่อตรวจสอบการฝึกวิชาทหาร เพื่อปฏิบัติราชการและเพื่อทดลองความพรั่งพร้อมจนถึงการระดมพลในกรณีประเทศชาติอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเข้าสู่ภาวะสงคราม

โดยเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่ากำลังพลสำรองเป็นกำลังทางยุทธศาสตร์ที่จะตัดสินผลของสงคราม จึงมีความสำคัญต่อความมั่นคงและอธิปไตยของชาติอย่างแท้จริง ในยามปกติหน้าที่ตามกฎหมายกองกำลังพลสำรอง

คือการรับการเรียกพลเพื่อปฏิบัติราชการในภารกิจที่จะต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะหรือเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาจากภัยพิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ถือเป็นการรักษาความมั่นคงภายในของประเทศชาติอีกด้วย ตนรู้สึกชื่นชมที่เห็นการพัฒนาศักยภาพและความพร้อมของกำลังพลสำรองทั้ง 3 เหล่าทัพ และเชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบสนองภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน พล.ท.ปรีชา สายเพ็ชร เจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม กล่าวว่า การแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรองครั้งนี้ เพื่อทดสอบผลการดำเนินการของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศในการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลสำรอง ให้สามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกับกำลังประจำการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง เห็นถึงความสามารถของกำลังพลสำรอง และมีความเชื่อมั่นในการเตรียมความพร้อมให้กับกำลังพลสำรองของเหล่าทัพ และเพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณะ ได้รับทราบถึงบทบาทและความสำคัญของกำลังพลสำรอง ที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ

ทั้งนี้พล.ท.ปรีชา ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การฝึกกำลังพลสำรองถือว่าเป็นการสร้างพื้นฐานที่ดี โดยหัวใจหลักสำคัญเราต้องการให้เห็นว่า เมื่อได้ฝึกกำลังพลของตัวเองไปแล้ว มีผลเป็นอย่างไรก็จะให้มาแสดงขีดความสามารถให้กับคนทั่วไปได้เห็นว่ากองทัพบริหารจัดการอย่างไร

พร้อมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาในกองทัพทุกระดับชั้นได้ตระหนักเห็นความสำคัญของกำลังพลสำรองที่มีอยู่จำนวนมหาศาลที่ผ่านการฝึกมา และต้องการให้สาธารณชนทราบว่าประเทศเรามีกำลังสำรองที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง

ที่สำคัญที่สุดทั้งด้านการสงครามและการบรรเทาสาธารณภัย การฝึกกำลังสำรองถือว่ามีความจำเป็น ทำให้คนในชาติมีความเข้มแข็ง เราประมาทไม่ได้ในทางทหาร ไม่ทราบว่าในอนาคตสถานการณ์บ้านเมืองในประเทศเราจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นภัยสงครามบางครั้งเราไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิด ก็ต้องมีการเตรียมการไว้ตลอด รวมถึงภัยพิบัติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวดังนั้น กำลังพลสำรองดังกล่าวต้องได้รับการฝึกตลอดเวลา

“เหมือนเป็นการทำกล้ามเนื้อให้เข้มแข็ง ทหารคือกล้ามเนื้อประเทศ จำเป็นต้องทำให้แข็งแรง สงครามไม่รู้เกิดเมื่อไหร่ เราต้องฝึกไปเรื่อยๆ ไม่มีประเทศไหน ไม่มีกล้ามเนื้อ ยุทโธปกรณ์ เราไม่รู้ภัยคุกคามในอนาคตจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ยุคเราไม่เกิด แต่ต้องเตรียมการ ต้องฝึก” พล.ท.ปรีชา กล่าวและว่า อย่างไรก็ตามการฝึกกำลังพลสำรองไม่ได้มุ่งเน้นในการดูแลสถานการณ์ทางด้านการเมืองแต่มองเรื่องความมั่นคง เพื่อรองรับภารกิจของกองทัพ

ทั้งเรื่องภัยสงครามและบรรเทาสาธารณภัย นอกจากนี้การรักษาความมั่นคงภายใน เช่นกันรักษาที่ตั้งการ ก็ถือมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กำลังสำรอง แต่ไม่ถึงขั้นไปปฏิบัติการที่ใช้ความรุนแรง

เมื่อถามถึงความกังวลใจของคนที่จะเข้ามาเป็นกำลังสำรองนั้น พล.ท.ปรีชา กล่าวว่า อยากให้ตัดประเด็นนี้ทิ้งไปได้เลย เนื่องจากกองทัพมีกระบวนการบริหารจัดการ เราเรียกกำลังพลสำรองมาฝึกเป็นวงรอบของแต่ละปีไม่มาก เช่น 9 วันต่อครั้งและไม่กระทบการทำงาน และจำนวนที่มาฝึกเมื่อเปรียบเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละปี

ส่วนกระบวนการในการพิจารณาคนเข้ามาก็อยู่ในบัญชี กองกำลังกองทัพก็มีคณะกรรมการพิจารณาด้วยความรอบคอบว่าจะส่งผลกระทบหรือไม่ ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการให้ความร่วมมือและสมัครใจมากขึ้น เนื่องจากทราบดีว่าเมื่อกำลังพลสำรองมาฝึกเมื่อกลับไปจะได้ความมีวินัยของบุคคล

ปัจจุบันกระทรวงกลาโหมได้นำพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ2558 มาบริหารจัดการกลุ่มบุคคลที่เป็นกำลังพลสำรองให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กรุณามอบนโยบายเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ให้มีการพัฒนาระบบกำลังสำรอง และระบบการระดมสรรพกำลังเพื่อการทหาร ให้สอดคล้องกับความจำเป็นทางทหาร

ตลอดจนเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560-2579 ในแนวความคิดทางยุทธศาสตร์การป้องกันเชิงรุกที่กำหนดให้พัฒนาระบบกำลังสำรอง และระบบการระดมสรรพกำลังเพื่อการทหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งไปสู่การบรรจุทดแทนกำลังประจำการบางตำแหน่งในยามปกติมีระบบตอบแทนที่เหมาะสม สามารถรองรับการขยายกำลังในยามสงครามสำหรับการปฏิบัติการทางทหารทุกด้านที่มีความขัดแย้ง

​การจัดแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรอง 3 เหล่าทัพ ประจำปี 2561 นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้กรุณาอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยกรมการสรรพกำลังกลาโหมร่วมกับกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ จัดการแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรอง 3 เหล่าทัพขึ้น โดยเป็นการดำเนินการครั้งแรก มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญ 3 ประการ คือ

1. เพื่อทดสอบผลการดำเนินการของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ในการ พัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลสำรอง ให้สามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกับกำลังประจำการได้อย่ามีประสิทธิภาพ
2. เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูง เห็นถึงความสามารถของกำลังพลสำรอง และมีความเชื่อมั่น ในการเตรียมความพร้อมให้กับกำลังพลสำรองของเหล่าทัพ
3. เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงบทบาทและความสำคัญของกำลังพลสำรอง ที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ

​นอกจากนี้ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้จัดทำบอร์ดประชาสัมพันธ์การดำเนินการเกี่ยวกับกิจการกำลังพลสำรองทั้ง 5 ระบบ การแสดงศักยภาพของกำลังพลสำรอง ทั้ง 3 เหล่าทัพ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการพัฒนา ขีดความสามารถของกำลังพลสำรอง และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าหากเกิดภัยคุกคามทางทหารที่ต้องใช้กำลังทหารขนาดใหญ่หรือเกิดภัยพิบัติ กำลังพลสำรองจะเป็นกำลังเสริมที่สำคัญในการเข้าปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกำลังประจำการในการป้องกันประเทศและช่วยเหลือประชาชน ได้ด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน