กรณี นช.เสกสรรค์ เขื่อนแก้ว อายุ 39 ปี หรือ เอ๋ ควาย ราษฎรบ้านเลขที่ 51 ม.9 ป่าไคร้เหนือ ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง นักโทษคดียาเสพติด หลังสะเดาะกุญแจโซ่ตรวนหนีออกจากรพ.ห้างฉัตร เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 23 พ.ค. พร้อมวางกำลังเฝ้าติดตามตรวจค้นยังบ้านเกิดที่บ้านป่าไคร้ ต.หนองหล่ม ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนช.ที่หลบหนี โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรือนจำกลางลำปาง ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ สถานกักขังกลางลำปาง อาสาสมัครรักษาดินแดน เจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ป่าไม้ กว่า 50 นาย ปูพรมหน้ากระดานค้นหาในจุดที่พบเป็นครั้งสุดท้าย ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว ตำรวจลำปางปิดเมืองล่า “เอ๋ ควาย” นักโทษแสบสะเดาะกุญแจหนี เชื่อยังป่วยคงหนีได้ไม่ไกล
ลวดที่นักโทษใช้สะเดาะกุญแจมือ
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่บริเวณลานข้าวโพดลำปางเจริญพืชผล ต.หนองหล่ม อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ภ.จ.ลำปาง นายทนงศักดิ์ เกษตรธรรม ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ น.ส.สุนันทา คงพากเพียร ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง และ พ.ต.อ.สมพงษ์ ตั้งตัว ผกก. สภ.ห้างฉัตร พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 3 โรงพัก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่ อ.ห้างฉัตร สนธิกำลังจำนวนกว่า 100 นาย ลงพื้นที่ปูพรมค้นหานายเสกสรรค์ เขื่อนแก้ว อายุ 39 ปี หรือฉายา “เอ๋ ควาย” ผู้ต้องโทษในคดียาเสพติดของทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง ที่หลบหนีไปจากหอผู้ป่วยรพ.ห้างฉัตร
เจ้าหน้าที่ระดมกำลังค้นหานักโทษที่หลบหนี
น.ส.สุนันทา คงพากเพียร ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง กล่าวว่า ผู้ต้องขังรายดังกล่าวเป็นผู้ต้องขังชั้นเลว ซึ่งถูกศาลสั่งจำคุก 3 ปี 13 เดือน ในคดีครอบครองยาบ้าจำนวน 132 เม็ด โดยถูกจำคุกมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ซึ่งผู้ต้องขังรายดังกล่าวที่มีอาการป่วยและทางทัณฑสถานฯดูแลเป็นอย่างดี ตามหลักสิทธิมนุษย์ชน โดยย้ายมาจากเรือนจำกลางลำปางเมื่อเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา และเกิดเจ็บป่วยมีอาการปวดท้องตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2561 ซึ่งเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลภายในทัณฑสถานฯ ก่อนที่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา เกิดปวดท้องอย่างรุนแรงและมีความดันขึ้น จึงนำตัวส่งรักษารพ.ห้างฉัตร โดยเชื่อว่าการหลบหนีในครั้งนี้น่าจะเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เพราะยังมีอาการเจ็บป่วยอยู่
อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์ตั้งรางวัลนำจับเป็นเงินจำนวน 50,000 บาท เพื่อมอบให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องขังที่หลบหนีได้ ทั้งนี้กำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายระดมกำลังค้นหาตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าละเมาะ ไร่มันสำปะหลัง และไร่สับปะรด แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบตัวดังกล่าว
