เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 59/1 บ้านโนนชัย ม.12 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับ สำนักงานจัดหางาน และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ลงพื้นที่เพื่อเข้าพบกับนางจันดี (สงวนนามสกุล)อายุ 45 ปี มารดาของ น.ส.ธัญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี หรือเปิ้ล ซึ่งเสียชีวิตประเทศมาเลเชีย เพื่อจัดเก็บข้อมูลและสอบถามรายละเอียดในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศจนกระทั่งเสียชีวิตที่ประเทศมาเลเซีย

นางจันดี แม่ของน้องเปิ้ล กล่าวทั้งน้ำตาว่า พ่อของน้องเปิ้ลนั้นได้เสียชีวิตแล้วมานานกว่า 5 ปี โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาผู้ตายบอกกับครอบครัวว่าจะไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหาร ที่ประเทศเกาหลี โดยได้รายได้เดือนละ 70,000 บาท ค่าใช้จ่ายทั้งหมด นายหน้าจะจ่ายให้ ซึ่งครอบครัวได้เตือนลูกสาวว่า ระวังจะถูกหลอก แต่ลูกสาวยืนยันที่จะไป เพราะต้องการหาเงินมาซ่อมแซมบ้าน และเลี้ยงดูครอบครัว เพราะที่ผ่านมาลูกสาวก็ทำแซนด์วิส ทำสลัดโลว์ ย่างปลาดุก ขายที่ตลาดหน้าบ้าน บางครั้งก็ไปรับจ้างที่โรงงานทำเส้นขนมจีน เพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัว จนกระทั่งปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาลูกสาวได้เดินทางไปหานายหน้าคนดังกล่าว และโทรศัพท์กลับมาบอกทางบ้านว่า อยู่กับนายหน้าที่ จ.นราธิวาส และนายหน้าจะพาไปทำงานเสิร์ฟอาหาร ที่มีเจ้าของร้านเป็นคนไทยที่ประเทศมาเลเซีย ไม่นานลูกสาวก็โทรกลับมาบอกว่าได้ทำงานเสิร์ฟอาหารแล้ว แต่ถูกทางร้านและนายหน้าบังคับให้ขายบริการทางเพศด้วย

“น้องเปิ้ลไม่ยินยอมจึงถูกทางร้านขังไว้ที่ชั้นบนของร้าน ให้อดข้าวอดน้ำ จึงพยายามติดต่อมาบอกญาติและเพื่อนว่า ถูกหลอกแล้วและไม่ได้เสิร์ฟอาหารแล้ว แต่ถูกบังคับให้ขายตัว เมื่อไม่ยินยอมก็ถูกขัง จึงอยากให้ญาติหาทางช่วยเหลือ ซึ่งทางญาติได้มีการประสานงานผ่านเพจชื่อดัง จนมีการเข้าช่วยเหลือลูกสาวที่ร้านอาหารดังกล่าวพร้อมเพื่อนหญิงสาวชาวไทยอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน เมื่อถูกช่วยออกมาลูกสาวก็ติดต่อมาบอกทางบ้านว่า อีกไม่กี่วันก็จะได้กลับบ้านแล้ว แต่อยู่ๆ ก็มีข่าวว่าลูกสาวผูกคอตาย”

นางจันดี กล่าวต่ออีกว่า การเสียชีวิตของลูกสาวนั้น ต้องมีเงื่อนงำ และไม่ใช่การเสียชีวิตที่จะผูกคอตัวเองตาย เพราะทุกครั้งที่ได้คุยโทรศัพท์กันกับลูกสาวนั้นมีแต่จะกลับบ้าน ไม่เคยบ่นว่าอยากตาย อีกทั้งก่อนหน้านี้ลูกสาวบอกว่าถูกเพื่อนหญิงคนไทยที่อยู่ด้วยกันทำร้าย จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐนั้นได้เข้ามาตรวจสอบการเสียชีวิตของลูกสาวด้วย เพราะการเสียชีวิตของลูกสาวนั้นครอบครัวเชื่อว่าน่าจะมีผู้เกี่ยวข้องหลายคน และก่อนเกิดเหตุลูกสาวเคยโทรศัพท์มาขอเงินให้ทางบ้านโอนเข้าบัญชีนายหน้า เพื่อไถ่ตัวออกมาจากร้านอาหารที่ทำงานอยู่แต่ทางบ้านไม่มีให้ จนกระทั่งเกิดเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น

นางจันดี

“ได้รับการติดต่อว่าศพของน้องเปิ้ลนั้นจะถูกส่งมากับสายการบินจากประเทศมาเลเซีย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 13.25 น.วันที่ 25 พ.ค.จากนั้นศพจะถูกส่งไปยัง รพ.ตำรวจ เพื่อชันสูตรตามขั้นตอน โดยการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือจากมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนต่างๆ ก็จะรับศพลูกสาวมากลับที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะตั้งศพกี่วัน เพราะครอบครัวมีฐานะยากจน”

ขณะที่ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ทางจังหวัดได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศแล้ว โดยที่ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจํากรุงกัวลาลัมเปอร์ มีการประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือหญิงสาวชาวไทย 3 คน หนึ่งในนั้นคือ น.ส.ธัญญา ซึ่งตํารวจมาเลเซียได้ให้ความช่วยเหลือ และพักอยู่ที่บ้านพักฉุกเฉิน ต่อมาสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รับแจ้งจากตํารวจมาเลเซียว่า น.ส.ธัญญา ผูกคอเสียชีวิตภายในห้องพัก และศพอยู่ที่โรงพยาบาล ในเมืองโกตาคินาบารู และทางกรมการกงสุลได้ติดต่อมายังนางจันดี มารดาผู้ตายทราบเรื่องแล้ว และจะไปรับศพลูกสาวในวันพรุ่งนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

“จังหวัดนั้นได้มอบหมายให้ พมจ.ขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่พูดคุยกับมารดาและญาติพี่น้อง เพื่อจะทราบข้อมูลว่า ผู้ตายเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องหรือไม่ หรือเดินทางไปด้วยสาเหตุใด ใครชักชวนไป และถ้าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ก็ต้องตรวจสอบให้ละเอียด เพื่อหาทางช่วยเหลือครอบครัวผู้ตายอย่างเต็มที่”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน