เมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 24 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทางตำรวจ กก.4 บก.ป. คุมตัวพระครูวิลาสกิจจานุกูล รองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และพระครูไกรศร วิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย” มาทำการสอบปากคำเกี่ยวกับกรณีซื้อขายพระพุทธรูป 3 องค์ พระพุทธรูปเก่าแก่ประจำวัดตราชู อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยมิชอบนั้น

ตำรวจกองปราบสอบปากคำเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาสวัดดังสิงห์บุรี หลังขโมยพระพุทธรูปโบราณไปขาย ก่อนถูกจับสึกดำเนินคดี

เบื้องต้นพระทั้ง 2 รูปยังคงให้การภาคเสธ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนใชัอำนาจตามมาตรา 29 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เพื่อให้พระทั้ง 2 รูปยอมสละสมณเพศโดยการสึกต่อหน้าพระพุทธรูป จากนั้นจึงนำตัวทั้ง 2 เข้าห้องคุมขังกองปราบฯ เพื่อเตรียมนำตัวไปฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี ต่อในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (25 พ.ค.)

สำหรับมาตรา 29 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ นั้นว่าด้วย“พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราวและเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงานสอบสวนไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน