สลดหนุ่มอุดรโหมเกี่ยวข้าวจนไม่ได้พักผ่อนจนโรคความดัน-เบาหวานกำเริบ นอนตายคากระท่อมนา เมียไม่เห็นกลับบ้านหลายวันไปตามพบเป็นศพนอนอืด จึงนิมนต์พระมาทำพิธีเชิญวิญญาณกลับบ้าน
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 พ.ย. ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ ศรีกงพาน รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุมีคนเสียชีวิตอยู่บนกระท่อมนาที่อยู่ในสวนกล้วยด้วย อยู่ซอยด้านข้างวัดป่าหนองหว้าป่าก้าว ม.4 บ้านหนองหว้า ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี จึงออกไปตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน ตำรวจชุมชนตำบลหนองนาคำ แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรฯ และมูลนิธิส่งเสริมธรรมสถานอุดรธานี
ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมนาที่ปลูกในสวนกล้วย พบร่างของนายบุญโฮม ช่างสากล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 ม.6 บ.นาเจริญ ต.หนองไผ่ อ.เมืองอุดรธานี สวมเสื้อกันหนาวสีดำ นุ่งกางเกงสามส่วนสีดำ นอนหงายขึ้นอืดเสียชีวิต อยู่ในมุ้งบนที่นอนในกระท่อม แพทย์จึงชันสูตรพลิกศพตามร่างกายไม่พบบาดแผล จากการต่อสู้และถูกทำร้ายใดๆ คาดว่าคงเสียชีวิตมาประมาณ 4-5 วัน ตรวจสอบบนกระท่อมและบริเวณโดยรอบ ไม่มีทรัพย์สินสูญหาย รวมถึงรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีน้ำเงิน-ดำ ไม่ติดแผ่นป้าย ของผู้ตายยังจอดอยู่หน้ากระท่อม
จากการสอบสวน นางกฤษฎาพร เพชรชู อายุ 35 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่า อยู่กินกับผู้ตายมาเกือบ 20 ปี มีบุตรชายและบุตรสาว อายุ 16 ปี และ 11 ปี อุปนิสัยผู้ตายเป็นคนดีขยันทำงาน ก่อนหน้านี้เมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมาได้ไปขายแรงงานที่อิสราเอล จนมีเงินทุนมาซื้อที่ดินนาข้าวและปลูกกล้วยด้วย จึงยึดอาชีพทำนาทำสวนกล้วย และยังเป็นผู้รับช่วงรับเหมาต่อเติมบ้านจากผู้รับเหมารายใหญ่ด้วย แต่ผู้ตายมีโรคประจำตัว คือโรคความดันและเบาหวาน
ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว สามีได้เร่งเก็บเกี่ยวข้าวในนาให้เสร็จ จึงมาขอนอนพักผ่อนที่กระท่อมนาที่ปลูกในสวนกล้วย และมีโครงการจะปลูกบ้านถาวรที่นี่ ช่วงสองวันแรกยังกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน ผ่านไป 5 วัน ไม่เห็นสามีกลับบ้าน และพยายามโทรศัพท์ติดต่อก็ไม่ได้ จึงพากันออกตามหาตามบ้านเพื่อน แต่ก็ไม่พบ จึงได้มาหาที่กระท่อมสวนกล้วยพบว่าได้เสียชีวิตดังกล่าว จึงนิมนต์พระอาจารย์วีระศักดิ์ ภูริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดป่าหนองหว้าป่าก้าว ซึ่งเป็นญาติกัน และพระลูกวัด รวม 4 รูป มาทำพิธีเชิญวิญญาณผู้ตายกลับบ้าน พร้อมแจ้งตำรวจดังกล่าว
ร.ต.อ.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตคาดว่าผู้ตายอาจโหมงานหนักเกี่ยวข้าว และมีโรคประจำตัวด้วยแล้วกำเริบขณะนอนหลับ ไม่มีคนพบเห็น จึงเสียชีวิต และเมื่อเห็นว่าญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิต จึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานและมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
