ตร. จับโจร เก่งไอที ใช้แก๊สเจาะประตูร้านคอมฯ กวาดทรัพย์สินในร้านไปกว่า 50 รายการ มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท สารภาพทำงานตรงข้ามกับตำรวจ ทำลายหลักฐานทุกอย่างในร้านเพื่อไม่ให้ตำรวจตามตัว เผยพลาดนิดเดียว ยอมรับ “ผมแพ้ตำรวจ พลาดจุดเดียว”

จับโจร / เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ รอง ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.อมรชัย ปัญญา ผกก.สภ.ช้างเผือก, พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ได้ควบคุมตัวนายวชิราวุธ เลขอิน อายุ 20 ปี และนายกัมปนาท (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาในคดีลักทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านแอดไวท์ ยูนิตี้ ไอที ซิสเตมส์ เลขที่ 32 ถ.มณีนพรัตน์ ซอย 3 ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์การเจาะประตูด้วยแก๊ส

โดยผู้ต้องหาได้สาธิตการเจาะประตูด้วยระบบแก๊สเมื่อเข้าไปได้แล้วก็ตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยการถอดฮาร์ดดิสจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้น ก็ขโมยทรัพย์สินที่เป็นคอมพิวเตอร์ภายในร้าน โดยเลือกเอาที่มีราคาและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยได้ทรัพย์สินไปกว่า 50 รายการ มูลค่า 500,000 บาท หลังก่อเหตุได้นำทรัพย์สินที่ขโมยได้ส่วนหนึ่งไปขายให้กับคนที่อยากได้นำไปขายต่อตามออนไลน์ กระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว

ผู้ต้องหาชี้จุดลักทรัพย์ในร้านคอมพิวเตอร์

จากการสอบสวนนายวชิราวุธ ให้การรับสารภาพว่า ตนรู้เรื่องเกี่ยวกับระบบไอที และรู้ว่าชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์ตัวไหนดีที่สุดและราคาเท่าไหร่ โดยร้านแห่งนี้เป็นศูนย์ร่วมคอมพิวเตอร์ทุกอย่าง และชิ้นส่วนอะไหล่ของคอมพิวเตอร์มากที่สุด ตนจึงเจาะจงเอาร้านแห่งนี้ โดยใช้การเจาะประตูร้านเข้ามาด้วยระบบแก๊สพ่นไฟ จากนั้น สังเกตุเห็นแสงกล้องวงจรปิด จึงได้รื้อระบบฮาร์ดดิสออก

นายวชิราวุธ ให้การต่อว่า โดยตนได้ร่วมกับนายกัมปนาท เพื่อให้มาดูต้นทาง ส่วนรถจักรยานยนต์ที่นำมาใช้ในการก่อเหตุนั้น นายกัมปานาทได้ไปยืมมาจากแม่ของเขาเอง สำหรับวิธีการเจาะประตูเข้ามาในร้าน ตนก็ดูจากหนังในยูทูป และนำวิธีเจาะประตูมาใช้

ภายในร้านคอมพิวเตอร์ที่ผู้ต้องหาเข้ามาทำการลักทรัพย์

“ผมจะใช้ระบบทำงานตรงข้ามกับตำรวจ เช่น ตำรวจสืบหาคนร้ายทางไหน ผมก็จะไปทำลายหลักฐานตรงนั้น ทั้งเรื่องกล้องวงจรปิด เรื่องของรอยนิ้วมือ การอำพราง แต่ในที่สุดผมก็มาพลาดจนได้ พลาดแค่จุดเดียวคือนำทรัพย์สินไปขายให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้านำขึ้นระบบออนไลน์ขายต่อ ก็ทำให้ผู้เสียหายเห็นและจำทรัพย์สินของเขาได้ ผมก็เลยถูกจับกุม เพราะผมได้ศึกษาการทำงานของตำรวจแล้ว และก็ปฏิบัติการตรงข้ามกับตำรวจ แต่ก็มาถูกจับ “ผมแพ้ตำรวจครับ” นายวชิราวุธ กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.พิทยา กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.30 น. โดยคนร้ายมีอาชีพรับซ่อมคอมพิวเตอร์ จึงมีความชำนาญในการเลือกทรัพย์ในร้านเป็นอย่างดี และได้ดูหนังจากยูทูปในการเจาะประตูด้วยการใช้แก๊สขนาดกระป๋อง ใช้ลมเจาะเข้าไปลักทรัพย์ และรู้แนวทางการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายของตำรวจ จึงได้ทำลายหลักฐานทุกอย่าง แต่ก็ถูกจับได้ในที่สุด

พล.ต.ต.พิทยา กล่าวต่อว่า ทางตำรวจเองก็สืบสวนหาตัวคนร้ายมาตลอดแต่ยากมาก เพราะคนร้ายทำลายหลักฐานทุกอย่าง ในที่สุดโดยคนร้ายนำอุปกรณ์คอมไปขายให้กับลูกค้า ลูกค้าออนไลน์ ซึ่งเขาสงสัยว่าจะเป็นทรัพย์สินที่ขโมยมาจึงประสานตำรวจและเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ จนสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้

ผู้ต้องหาสาธิตการใช้แก๊สทำลายลูกบิดประตู โดยเรียนมาจากการดูหนังในยูทูป

“ส่วนคนร้ายนั้นตอนถูกจับกุม ยังสอบถามตำรวจที่จับกุมว่า “สามารถติดตามมาจับกุมตัวผมได้อย่างไร” ทางตำรวจไม่บอก แต่คนร้ายก็วิเคราะห์จนรู้ว่าเพราะประชาชนเขาให้ความร่วมมือกับตำรวจ ไม่รับซื้อของโจรหรือของต้องสงสัย จึงแจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบและเป็นที่มาของการจับกุมในที่สุด” พล.ต.ต.พิทยา กล่าว

รอง ผบช.ภ.5 กล่าวต่อว่า สำหรับทรัพย์สินที่เหลือนั้น ตนได้สั่งให้ตำรวจท้องที่ สอบปากคำคนร้ายและตามนำกลับคืนมาให้เจ้าของให้ได้มากที่สุด คนร้ายเอาทรัพย์สินไปกว่า 50 รายการ ตามคืนมาได้ 14 รายการ มูลค่า 2 แสนกว่าบาท ก็ให้ตำรวจตามคืนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ตำรวจคุมตัว 2 ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านเกิดเหตุ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน