เจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจล้อมบ้านแกนนำป่วนใต้ ถูกยิงใส่ เปิดฉากดวลปืนคนร้ายถูกวิสามัญดับ 1 ราย

แกนนำป่วนใต้ / เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 20 มิย. พ.อ.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกรมทหารพรานที่ 44 รับแจ้งจากสายข่าวว่าพบบุคคลเป้าหมายในคดีความมั่นคงเข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ ม.3 ต.กะรุบี อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี จึงประสานหน่วยกำลังในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบสายข่าวแจ้งว่าบุคคลเป้าหมายหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเลขที่ 6 ม.3 ต.กะรุบี ซึ่งเป็นบ้านไม้ยกพื้นชั้นเดียว

จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวทันที พร้อมประสานผู้นำท้องถิ่นร่วมในการเจรจาโดยการเรียกให้บุคคลภายในบ้านออกมา และพบ น.ส.คอลีเยาะ มะ ออกมาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของบ้านและออกมาหน้าบ้าน

จากนั้นเจ้าหน้าที่จัดกำลังพร้อมโล่กำบังเข้าทำการตรวจสอบภายในบ้าน ปรากฏว่าพบบุคคลต้องสงสัยกำลังที่จะกระโดดออกจากบ้านทางหน้าต่างด้านหลัง แต่ไม่สามารถไปได้เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ปิดล้อม

จึงใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่เจ้าหน้าที่ 1 นัดเพื่อเปิดทางหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องกระโดดหลบกระสุนพร้อมกับยิงตอบโต้คนร้ายเพื่อป้องกันตัว คนร้ายพยายามจะหนีออกทางหน้าบ้าน แต่ไปไม่รอดถูกวิสามัญเสียชีวิตภายในบ้าน

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ตรวจสอบทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายสุไลมาน มูหะหมัด หรือ เปาะซู อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 ม.4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับของศาลจังหวัดนราธิวาส 1 หมาย และยังพบว่ามี พฤติกรรม เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการณ์รับผิดชอบในพื้นที่ อ.รือเสาะ

ใกล้กันพบอาวุธปืนคาบิน ขนาด .30 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน 1 ซอง และปลอกกระสุน จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

หลังเกิดเหตุ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมกำชับให้หน่วยกำลังในพื้นที่กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

เคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้เชื่อว่าน่าจะมีกลุ่มก่อความไม่สงบและสมาชิกแนวร่วมอีกหลายคนที่ยังหลบซ่อนตัวในพื้นที่ เนื่องจากผู้เสียชีวิตน่าจะเข้ามาเคลื่อนไหวร่วมกับแนวร่วมในพื้นที่เพื่อเตรียมที่จะก่อเหตุในห่วงปลายเดือนนี้ ตามที่ได้รับข่าวการแจ้งเตือน

อีกทั้งก่อนหน้านี้แกนนำมือระเบิด 3 คนในพื้นที่ อ.กะพ้อได้ออกมารายงานตัวพร้อมมอบอาวุธปืนสงครามและระเบิดแสวงเครื่องต่อแม่ทัพภาคที่ 4 เนื่องจากสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำและหวังต้องการยุติความรุนแรงและร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน

ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บรวบรวมหลักฐาน

ซึ่งการเคลื่อนไหวของผู้ตายจนกระทั่งถูกวิสามัญครั้งนี้อาจจะมีการตอบโต้ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตราการณ์คุมเข้มทุกพื้นที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน