ด.ญ.15 ร้องสื่อช่วย ตามหาพ่อญี่ปุ่น ที่พลัดพรากกัน ตั้งแต่เกิด เผยชีวิตสุดเศร้า แม่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ขณะที่ยายป่วยเป็นมะเร็ง เป็นเด็กเรียนเก่ง ไม่เคยหยุดเรียน แต่ทุกปีที่โรงเรียนจัดกิจกรรมวันพ่อ จะหยุดเรียน แอบร้องไห้อยู่ที่บ้าน เจ้าตัวยังหวัง สักวันจะได้กอดพ่อ

ด.ญ.15

ด.ญ.หวังได้กอดพ่อสักครั้ง

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่บ้านบ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 6 ต.ทุ่งโพธิ์ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ด.ญ.ฉัตรธิยามล นากาจิมา อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสตรีทุ่งสง ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมนครศรีธรรมราชและผู้สื่อข่าว

ตามหาพ่อญี่ปุ่น / ให้ช่วยเป็นสื่อกลางในการติดตามหาบิดาคือนายโคอิชิ นากาจิมา ชาวญี่ปุ่น ที่แต่งงานกับน.ส.กุสุมา ทิศศรี อายุ 40 ปี มารดาเมื่อ 15-16 ปีก่อน

แต่ได้แยกทางกัน ตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้เพียง 3 เดือน ก่อนที่มารดากลับบ้านเกิดมาคลอด ด.ญ.ฉัตรธิยามล โดยปัจจุบันทั้งคู่อาศัยอยู่กับยายที่อายุ 75 ปีแล้ว

ด.ญ.15

ด.ญ.ฉัตรธิยามล เล่าว่า พยายามสอบถามข้อมูลจากมารดามาโดยตลอด แต่ไม่ได้รับข้อมูลใดๆ หลังจากมารดาประสบปัญหาทางธุรกิจ ปัจจุบันไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกทม. ไม่ค่อยกลับบ้าน ทำให้การตามหาบิดายากลำบากยิ่งขึ้น

“หนูจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือ จากศูนย์ดำรงธรรมนครศรีธรรมราชและผู้สื่อข่าว เพื่อให้ช่วยติดตามข้อมูลของบิดา ซึ่งทราบว่าชื่อนายโคอิชิ นากาจิมา เข้ามาในประเทศไทยราวปี 2544-2545 หนูหวังว่าอยากพบอยากเห็นหน้า อยากกอดพ่อสักครั้งหนึ่งในชีวิต” ด.ญ.ฉัตรธิยามล กล่าว

ด้านนางละมัย ทิศศรี ยายของเด็กกล่าวว่า เมื่อราวปี 2544 ลูกสาวไปทำธุรกิจอยู่ที่กทม. บอกว่าแต่งงานกับชาวญี่ปุ่นที่มีอายุมากกว่า ช่วงแต่งงานลูกสาวอายุประมาณ 25-26 ปี ส่วนนายโคอิชิ อายุประมาณ 45 ปี

ด.ญ.15

แต่อยู่กินกันได้ไม่นานก็เกิดปัญหาบางอย่าง ลูกสาวจึงหนีกลับบ้านโดยตั้งครรภ์มาด้วย และไม่ยอมติดต่อนายโคอิชิอีกเลย ทราบเพียงว่าช่วงนั้นนายโคอิชิฯ พยายามตามหาเช่นกัน

ข้อมูลที่ทราบคือนายโคอิชิ ต้องเดินทางไปตรวจงานในหลายประเทศ ปัจจุบันน่าจะมีอายุระหว่าง 60-61 ปี

ตอนนี้ตนก็ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ห่วงว่าหากตายไปจะไม่มีใครดูแลหลานสาว หากหลานได้พบกับพ่อของเขาคงจะดีใจมาก อยากให้หลานได้สมหวัง

“หลานสาวเป็นคนเรียนเก่งและไม่เคยขาดเรียนเลย แต่กิจกรรมวันพ่อที่โรงเรียนของทุกปี หลานจะขาดโรงเรียนร้องไห้อยู่ที่บ้าน ด้วยเหตุที่เขาคิดถึงพ่อ ทุกคนที่โรงเรียนต่างมีพ่อแต่เขาไม่มี เป็นแผลในใจของเขาจึงอยากให้เขามีความสมหวังในการติดตามหาพ่อ” นางละมัย กล่าว

ด้านนายสกล จันทรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังหาช่องทางในการติดตามบิดาของเด็กหญิงรายนี้กับกระทรวงการต่างประเทศ และประสานงานกับสถานทูตญี่ปุ่นติดตามข้อมูลบุคคล เพื่อให้ลูกและพ่อได้พบหน้ากัน

“การเผยแพร่ผ่านสื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถค้นหาได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากได้พบกันนั้นถือเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดในชีวิตของเด็กเลยทีเดียว” นายสกล กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน