กองปราบจับเพิ่ม นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเอี่ยวคดีเงินทอนวัด ตีสนิทกับเจ้าอาวาสวัดดังในนครศรีธรรมราช ขอฮั้วประมูลงานก่อสร้าง ก่อนชงเรื่องถึงพศ.ขอรับงบประมาณวัดละ 3 ล้าน งานเสร็จแล้วแบ่งเงินกัน

นายเจษฎา วงศ์เมฆ อายุ 38 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

คดีเงินทอนวัด/เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป พร้อมกำลัง เข้าจับกุม นายเจษฎา วงศ์เมฆ อายุ 38 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และเจ้าของร้าน “เจ.เอ.ซีซีทีวี” ตั้งอยู่เลขที่ 253/2 ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 102/2561 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2561

ในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือโดยทุจริต และสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต จับกุมได้ที่ร้านดังกล่าว

คุมตัวสอบสวน

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับนายเจษฎา เป็นผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับในคดีทุจริตเงินทอนวัด ล็อตที่ 3 ซึ่งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบฯเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้ 8 รายคือ1.นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. 2.นายแก้ว ชิดตะขบ ผอ.พศจ.อ่างทอง 3.นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีต พศจ.นครปฐม 4.นายบุญเลิศ โสภา ผอ.พศจ. ลำปาง

5.นายชยพล พงษ์สีดา อดีต รอง ผอ.พศ. 6.นางพรเพ็ญ กิติธรางกูร ผอ.กลุ่มระบบพัฒนาระบบบริหาร พศ. 7.นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผอ.พศจ.สิงห์บุรี และ 8.นายวสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบรูณะพัฒนาวัด พศ.ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด และนำตัวฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ไปแล้ว

ดังนั้น ขณะนี้ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด ล็อตที่ 3 ยังคงเหลือเพียง น.ส.ประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ.ที่หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.ผู้ต้องหาสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังคดีทั้งหมด ซึ่งหลบหนีอยู่ไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

สำหรับนายเจษฎา ผู้ต้องที่เพิ่งถูกตามจับกุมได้นี้ จากการสืบสวนทราบว่า นอกจากจะเป็นเจ้าของร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ก็ยังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งกรณีที่ถูกจับกุมก็เป็นเพราะเข้าไปตีสนิทกับเจ้าอาวาสวัดดังในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 4 วัด เพื่อขอให้บริษัทตัวเองได้งานซ่อมแซมบูรณะวัด โดยมีข้อตกลงว่าจะแบ่งเงินเปอร์เซนต์ส่วนหนึ่งให้เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว เหมือนกับการฮั้วประมูลงานก่อสร้าง จากนั้นก็ให้ทำเรื่องถึงพศ.เพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนวัดละ 3 ล้านบาท เมื่องานเสร็จแล้วก็จะแบ่งเงินให้ไปตามข้อตกลง

ด้านพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. กล่าวว่า สำหรับคดีเงินทอนวัดนั้น ตนกำชับให้คณะพนักงานสอบสวน ทั้งในส่วนของ บก.ปปป.และ บก.ป.เร่งรัดดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีเพื่อให้คดีนี้มีความสมบูรณ์ ขั้นตอนที่ผ่านมาเราเร่งดำเนินการตลอด แต่อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานไปก่อน

พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวต่อว่า คดีที่เกิดขึ้นและผู้ต้องหาที่มีการจับกุมตัวได้แล้วนั้น เราจะทำให้เป็นแบบอย่างว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ที่คิดกระทำการทุจริต ไม่ว่าจะสังกัดกระทรวง ทบวง กรมไหน ก็ต้องตระหนัก และจัดการกับปัญหาเหล่านี้ คดีนี้จะเป็นกรณีศึกษา สิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรจะต้องถูกจัดการจากนี้ไป

ส่วนการจับกุมนายเจษฎาในวันเดียวกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานชัดเจนจึงขออำนาจศาลออกหมายและจับกุมตัวมาดำเนินคดี ส่วนรายละเอียดว่าเกี่ยวข้องในประเด็นไหน อย่างไร ขอยังไม่เปิดเผย รวมทั้งการดำเนินการหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติม ซึ่งคณะทำงานจะพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่พบ หากเชื่อมโยงถึงผู้ใดไม่ว่าเป็นพระสงฆ์หรือไม่ ก็จะดำเนินคดีทั้งหมด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน