พ่อแจ้งความตร.กองปราบเอาผิดรพ.-พยาบาล ที่ส่งกกน.น้องหญิงไปทำลายทิ้ง อ้้างเป็นขยะติดเชื้อ เผยมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างพยาบาลกับตำรวจให้แม่บ้านนำไปทิ้ง จ่อฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายรพ.

จากกรณี น.ส.นรีกานต์ หรือน้องหญิง ยาวิราช อายุ 19 ปี ไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนจะเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา เนื่องจากกะโหลกศีรษะแตกและสมองบวม โดย นายสุรพล หรืออ๊อฟ ดาราคำ อายุ 23 ปี ชายที่ขับรถไปส่ง อ้างว่าน้องหญิงกระโดดลงจากรถเทรลเลอร์ไปเอง แต่ผลชันสูตรระบุว่า ถูกตีด้วยของแข็งเข้าที่ท้ายทอย ก่อนตำรวจจะออกหมายจับนายสุรพล ขณะที่ญาติยังติดใจสาเหตุของการเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว รพ.ปัดให้ข้อมูลกกน.น้องหญิง พ่ออ๊อฟงงเรื่องเงินวิ่งเต้น บอกเงินไปเยี่ยมลูกยังไม่มี

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่กองปราบปราม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พานายสุบิน ยาวิราช อายุ 41 ปี บิดาของน.ส.นรีกานต์ หรือ “น้องหญิง” อายุ 19 ปี ที่เสียชีวิตตกรถเทรลเลอร์ดับปริศนา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมนึก สันติภาตะนันท์ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป.

เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพยาบาล และแม่บ้านของโรงพยาบาลการุณเวช จ.พระนครศรีอยุธยา ในข้อหา ทำลายหลักฐานในการกระทำความผิด เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง อ่านข่าว สอบ ‘เจน-รุ้ง’ พยานสำคัญคดี ‘น้องหญิง’ จี้ปม ‘อ๊อฟ’ ล่วงละเมิด

หลังพบว่าพยาบาลนำกางเกงในของน้องหญิงส่งให้แม่บ้านนำไปทำลาย จนทำให้วัตถุพยานสำคัญทางคดีหายไป โดยนำหลักฐานที่เป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างพยาบาลกับตำรวจว่า เป็นคนนำกางเกงในน้องหญิงส่งให้แม่บ้านนำไปทิ้ง มอบให้ไว้เป็นหลักฐาน อ่านข่าว จ่อแจ้งความกองปราบ เอาผิดพยาบาล-รพ.ดัง ส่งกกน.น้องหญิงไปทำลายทิ้ง

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า พยาบาลคนดังกล่าวมีพฤติการณ์น่าสงสัยว่า เหตุใดต้องโกหกญาติน้องหญิงว่าคืนกางเกงในให้ไปแล้ว แต่ต่อมากลับมายอมรับว่าได้นำกางเกงในแยกใส่ถุงส่งให้แม่บ้านนำไปทำลาย โดยอ้างว่าเป็นขยะติดเชื้อ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวน่าสงสัยมาก เพราะปกติกางเกงในเป็นสมบัติส่วนตัวของคนไข้ ที่จะต้องคืนให้คนไข้หรือญาติเท่านั้น อีกทั้งกางเกงในไม่ใช่ขยะติดเชื้อจึงไม่จำเป็นต้องรีบทำลายทิ้ง

ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิด ในวันที่ 29 ก.ค. ของโรงพยาบาลที่ทางครอบครัวได้เข้าไปดูบางส่วนยัง พบว่าในวันเกิดเหตุกางเกงในของน้องหญิงยังอยู่ ไม่ได้ถูกแยกใส่ถุงแดง ถุงขาวอย่างที่พยาบาลคนดังกล่าวอ้างแต่อย่างใด

นอกจากนี้ เมื่อวานที่ผ่านมาทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลออกมาแถลงข่าว ต่อสื่อมวลชนระบุว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่มีความเร่งรีบในการช่วยเหลือคนไข้ และการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปทุมธานี ทำให้เกิดการตกหล่น ซึ่งตามระเบียบของโรงพยาบาลแล้วจะเก็บทรัพย์สินของคนไข้ไว้ 7 วัน หากไม่ติดต่อก็จะส่งต่อให้บริษัทที่รับนำไปทำลาย

“โดยส่วนตัวแล้วผมไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของพยาบาล และแม่บ้านว่าเขามีเจตนาทำลายหลักฐานหรือไม่ แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่าก่อนหน้านี้ ผมและพ่อของน้องหญิงเข้าไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลับบอกว่ากล้องวงจรปิดเสีย ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวมีพิรุธอย่างมาก” นายอัจฉริยะ กล่าว

นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีผลการชันสูตรหาร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศของน้องหญิงนั้น จะทราบผลใน 20 วันนับจากนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ครอบครัวของน้องหญิงยังยื่นฟ้องแพ่งในข้อหาละเมิด เรียกร้องค่าเสียหายจากทางโรงพยาบาลดังกล่าวอีกด้วย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ พร้อมสอบปากคำผู้ร้องก่อนนำเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน