ทวงความคืบหน้า! ‘มึนอ’ เมียบิลลี่ ลุยเองเข้าพบ ป.ป.ท. จี้คดีสามีถูกอุ้มหาย

เมียบิลลี่ / วันที่ 21 ส.ค ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ป.ป.ท. น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ เข้าพบเลขาธิการ ป.ป.ท. เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีการจับกุมตัวนายพอละจีเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557

ภายหลังนายพอละจีได้หายตัวไป ตลอดจนสอบถามเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับคดีบิลลี่เป็นคดีพิเศษแล้วเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้วันที่ 28 มกราคม 2558 น.ส.พิณนภา ได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการป.ป.ท. เพื่อให้มีการดำเนินคดีกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่จับกุมนายพอละจีไว้เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 แต่ไม่มีการส่งตัวนายพอละจีให้พนักงานสอบสวน และหลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นนายพอละจีอีกเลย

ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ท. มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนการหายตัวไปของนายพอละจีขึ้น นับแต่นั้นเป็นต้นมา น.ส.พิณนภา ได้ติดตามความคืบหน้าของการสอบสวนดังกล่าวมาโดยตลอด ล่าสุดวันที่ 19 ธ.ค. 2559 น.ส.พิณนภาพร้อมกับทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนได้เข้าพบกับประธานคณะอนุกรรม ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี

โดยในวันดังกล่าวประธานคณะอนุกรรมการแจ้งว่าได้ดำเนินการสอบปากคำพยานและรวบรวมพยานหลักฐานของฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจาก น.ส.พิณนภา และทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนมีความเห็นว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

จึงมีการส่งหนังสือขอให้คณะอนุกรรมการทำการสอบคำให้การเพิ่มเติมจำนวน 3 ปาก คือนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ (อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน) นางสาววราภรณ์ อุทัยรังสี (ทนายความในคณะทำงานคดีของสภาทนายความ กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเผาบ้านเรือน รื้อทำลายทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยง) และเด็กหญิงศุภวรรณ กว่าบุ (หลานของนายพอละจี)

หลังจากการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมไปแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2560 แต่จนถึงปัจจุบัน ป.ป.ท. ยังไม่มีการแจ้งความคืบหน้าแต่อย่างใด นางสาวพิณนภา จึงส่งหนังสือสอบถามมายัง ป.ป.ท. อีกครั้งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 แต่ยังได้รับหนังสือตอบกลับ จึงมาติดตามด้วยตนเองในวันนี้

โดยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการสอบสวนเฉพาะกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยทุจริตเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันทาง ป.ป.ท. ได้ดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานของทั้งผู้ร้อง และผู้ถูกร้องเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการจัดเข้าวาระเพื่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐพิจารณาชี้มูลหรือไม่ชี้มูลต่อไป อีกทั้ง ป.ป.ท. กำลังรอสำนวนวินัยจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อส่งตามไปรวมในสำนวนโดยเร็วที่สุด

เลขาธิการฯ ยืนยันด้วยว่าการทำงานของ ป.ป.ท. ไม่มีผู้ใดสามารถแทรกแซงได้ และ ป.ป.ท. มีความต้องการทำให้สำนวนคดีมีสมบูรณ์ที่สุด อีกทั้งยังกล่าวถึงประเด็นการขอคุ้มครองพยานในกรณีนี้ด้วยว่า หากมีความประสงค์จะให้ทาง ป.ป.ท. ดำเนินการให้ ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง และหากมีพยานหลักฐานที่สำคัญในคดีเพิ่มเติมก็สามารถส่งมาได้ แต่ขอให้ดำเนินการโดยเร็ว เพื่อไม่ให้การนำสำนวนคดีเข้าให้คณะกรรมการ พิจารณาล่าช้าไปกว่านี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน