แม่น้องฟอสลั่น! ไม่ได้ตัดขาดบ้านสปาย-เห็นใจแต่จบเรื่องก็ต้องแยกย้ายไปทำมาหากิน

จากกรณีคนร้ายก่อเหตุอุกฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนยิง นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 20 ปี และ น.ส.ปวีณา หรือสปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี ชาวอำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2561 ที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายได้ทั้งหมด โดยเฉพาะเสี่ยอ้วน ได้ส่งตัวฝากขังดำเนินคดีไปแล้ว โดย “เสี่ยอ้วน” ได้ออกมาแฉในทำนองว่าครอบครัวน้องสปายปอกลอกเงินกว่า 7 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ส.ค. เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจอมศรี ชมพูพื้น อายุ 43 ปี แม่ของ นายอนันตชัย หรือน้องฟอส จริตรัมย์ ได้เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่ว่าได้ตัดสัมพันธ์กับครอบครัวน้องสปาย ว่าในช่วงที่เข้า กทม. ได้ไปให้สัมภาษณ์สำนักข่าวหนึ่ง คำพูดที่ว่า อยู่ใครอยู่มัน ในความรู้สึกนั้น หมายถึง อยู่ไผ๋ อยู่มัน ที่คนอีสานจะหมายถึงต่างคนต่างอยู่แยกย้ายกันทำมาหากิน ไม่ใช้ตัดขาดกัน

นางจอมศรี ชมพูพื้น แม่น้องฟอส ได้ยืนยันว่า คำพูดดังกล่าวไม่ได้หมายถึงว่า ระหว่างครอบครัวของตน กับ น้องสปาย จะตัดขาดกัน แต่หมายถึงว่า หลังเกิดเหตุแล้ว ต่อไปก็คงต่างตนต่างอยู่ เพราะต้องแยกย้ายกันไปทำมาหากิน ไม่ได้หมายความว่าครอบครัวตัดขาดกันแต่อย่างใด เพราะยังคงยืนยันว่า เด็กทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน และระหว่างทั้งสองครอบครัวก็มีความผูกพันกันเป็นญาติสนิทที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่

“ตนไม่มีความคิดว่าจะตัดขาดกันเลย แต่จะเป็นการให้กำลังใจกันมากกว่าเพราะตนก็เสียลูกชาย ส่วนครอบครัวนาเมืองรักษ์ ก็สูญเสียน้องสปายซึ่งทั้งสองครอบครัวก็เจ็บช้ำพอกันอยู่แล้ว ต่อไปก็จะมีการความเป็นห่วงซึ่งกันและกันมากกว่ายืนยันว่าแปลความหมายกันผิดไปเอง”

นางจอมศรี กล่าวต่อว่า ในส่วนที่มีประเด็นเรื่องเงิน 7 ล้านบาท ซึ่งเสี่ยอ้วนอ้างว่าได้นำไปให้น้องสปาย เรื่องนี้ไม่ขอพูดถึงเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งในมุมมอง น้องสปาย ก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่ “เสี่ยอ้วน” ซึ่งเป็นฆาตกรก็คงต้องหาวิธีเอาตัวรอดจะพูดยังไงก็ได้ ต่อไปตนไม่ขอพูดถึงอีกเพราะนับจากนี้หลังจากที่น้องฟอส ลูกชายได้ตายไปแล้ว ชีวิตก็คงจะต้องกลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งก็จะเป็นแม่บ้านดูแลบ้านให้พี่สาว ก็คงจะต้องดิ้นรนไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ

“สิ่งเดียวที่ตนต้องการฝากถึงนั้น กรณีนี้ขอให้เป็นตัวอย่างของลูกหลาน คนอีสานหรือทั่วไปที่ต้องดิ้นรนทำงาน ก็ขอให้ผู้มีอันจะกินเป็นเศรษฐี เจ้าของกิจการ ได้สงสารคนจน ลูกชาวนา ที่เข้าไปดิ้นรนหาเงินกลับมาจุนเจือครอบครัว ให้มีความเมตตาปราณี และก็ขอให้ลูกหลานที่ดิ้นรนได้ดูกรณีนี้เป็นตัวอย่างว่าหากผิดพลาดไปอยู่กับเจ้านายใจร้ายก็ต้องให้ระวังเพราะอาจจะมาจบชีวิตแบบนี้ สุดท้ายก็ขอกราบขอบคุณสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวจนสามารถจับกุมคนร้ายมาได้ทั้งหมด และขอกราบขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาได้ ขอกราบขอบพระคุณด้วยใจจริง” นางจอมศรี แม่น้องฟอสกล่าว

ขณะที่ นายสุพิน จริตรัมย์ พ่อน้องฟอส ได้ออกมาพูดคุยกับสื่อในครั้งแรกโดยบอกว่าสาเหตุที่ไม่พูดก็เพราะรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และว่าตั้งแต่รู้ข่าวตนเองซึ่งเป็นคนคิดมากอยู่แล้วและกินยาจิตเวช ก็ล้มไปชักบนพื้นดินหน้าบ้านและได้ไปกัดลิ้นของตัวเองเกือบขาด โดยได้แสดงบาดแผลให้กับสื่อมวลชนดูด้วย จากนั้นก็ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กับครอบครัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน