ดีเอสไอ บุกรวบผัว-เมีย ผู้ต้องหาค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงานเมียนมาบนเรือประมง แฉพฤติกรรมสุดโหด ขู่ฆ่า และใช้มีดจี้คอบังคับเลือกลูกเรือเป็นคู่แต่งงาน เพื่อให้มาทำงานใช้หนี้แทน หลังครอบครัวผู้เสียหาย ร้องมูลนิธิเพื่อสิทธิฯ ให้เข้าทำการช่วยเหลือ

ขณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์

ค้ามนุษย์ / เมื่อวันที่ 28 ส.ค. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สั่งการให้พ.ต.ท.ศันสนะ แก้วทับทิม รองผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตำรวจในพื้นที่ เข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายเตย หรือ ขาว ผู้ต้องหาที่ 1 และนางโชเอ หรือ เอ้ย ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน

โดยสามารถจับกุมได้ขณะที่ทั้งคู่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้านพักที่ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เดินทางมาที่ดีเอสไอ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.ย. 2560 หญิงชาวเมียนมา 2 ราย ได้ไปขอความช่วยเหลือจากนางมา (นามสมมติ) หญิงชาวเมียนมา ซึ่งเข้ามาอยู่ในไทยตั้งแต่ปี 2550 และปัจจุบันทำงานเป็นแม่บ้าน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยนางมาได้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา

จากนั้น ทางมูลนิธิฯจึงมีหนังสือ มสพ ที่ 18/12/2560 ลงวันที่ 18 ธ.ค. 2560 ถึงอธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีแรงงานสัญชาติเมียนมา 11 ราย ถูกหลอกลวงมาค้าแรงงานในต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยถูกหลอกให้ไปทำงานบนเรือประมง ในแพปลา และเป็นแม่บ้าน รวมทั้งมีการข่มขู่จะฆ่าหากไม่ทำงานตามที่สั่ง ซึ่งการถูกกระทำดังกล่าว อาจตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์

ต่อมา พ.ต.อ.ไพสิฐได้สั่งการให้กองคดีการค้ามนุษย์ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผล และนำไปสู่การอนุมัติเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 41/2561 เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2561 โดยพบพฤติการณ์การกระทำความผิด คือ เมื่อประมาณเดือน ก.ค. 2560 ชายชาวเมียนมากับครอบครัวได้ถูกนายเตย และนางโชเอ ชักชวนให้เดินทางจากเมืองเย ประเทศเมียนมา เพื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยบอกว่าผู้ชายจะให้ทำงานขายสินค้าเครื่องใช้ต่างๆ บริเวณท่าเรือและบนเรือประมง

ส่วนผู้หญิงจะให้ทำงานคัดแยกปลา และตัดปลาหมึกบนแพปลา มีรายได้ตกวันละ 300-400 บาท กลุ่มผู้เสียหายจึงตกลงเดินทางมากับนายเตย และนางโชเอ โดยเดินทางมาเป็นกลุ่มครอบครัวใหญ่ รวมทั้งสิ้น 11 คน โดยรถตู้ข้ามชายแดนไทย-เมียนมาร์ ทางด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ จุดหมายมาที่ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อมาถึงกลุ่มผู้เสียหายได้ถูกพาไปติดต่อเข้าพักที่บ้านเช่าของ ร.ต.ท.เหวียน สงคราม จากนั้นกลุ่มผู้เสียหายได้ถูกบังคับให้ไปทำงานบนเรือประมง, ในแพปลา และทำงานบ้าน

โดยทั้งหมดถูกบังคับข่มขู่ ถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกข่มขู่ว่าจะฆ่า จนทำให้เกิดความกลัว ผู้เสียหายบางรายไม่มีเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน และบัตรประจำตัว จึงทำให้กลัวว่าหากไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็อาจจะโดนแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม ขณะที่ผู้เสียหายบางรายที่มีหนังสือเดินทาง ก็ถูกยึดหนังสือเดินทางไว้เพื่อป้องกันการหลบหนี และกลุ่มผู้เสียหายยังถูกแจ้งด้วยว่า มีหนี้สินที่ต้องชดใช้ เป็นค่าเดินทางจากเมียนมาเข้ามายังประเทศไทย ค่าอาหาร และค่าที่พัก

ซึ่งเป็นเงินจำนวนที่สูงกว่าความเป็นจริง และเมื่อผู้เสียหายไม่มีเงินมาชดใช้ ก็ถูกบังคับให้ทำงาน ซึ่งผู้เสียหายบางรายถูกหักค่าจ้างจนเหลือค่าจ้างเพียงไม่กี่บาท ขณะที่ผู้เสียหายบางรายไม่ได้รับค่าจ้างหรือค่าตอบแทนแต่อย่างใด นอกจากนี้ ผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงชาวเมียนมารายหนึ่งยังถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกเรือประมงชาวเมียนมา เพื่อให้ลูกเรือดังกล่าวมาทำงานใช้หนี้แทน โดยได้นำมีดมาจี้คอและบังคับให้เลือกคนใดคนหนึ่ง หากไม่เลือกก็จะถูกฆ่า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน