เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 ธ.ค. ที่เรือนจำกลางเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี มีพิธีปล่อยตัวผู้ต้องขังที่ได้รับการอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จำนวนทั้งสิ้น 47 คน เป็นน.ช.จำนวน 41 คนและน.ญ.จำนวน 6 คน โดยหนึ่งในผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ คือน.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์รพ.ตร. ที่หนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลเพชรบุรี ข้อหาฆ่าแรงงานพม่า โดยน.ส.วิลสาต้องโทษฐานหลักทรัพย์ กำหนดโทษ 2 ปี 2 เดือน 20 วัน

สำหรับคดีของ น.ส.วิลสา เป็นผู้ต้องหาร่วมกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนา อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ จำเลยที่ 1 และน.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีลักทรัพย์เป็นรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางอรษา เกิดทรัพย์ สองสามีภรรยาชาวไร่สับปะรด ในอ.ท่ายางที่สูญหายไป โดยศาลมีคำพิพากษามีความผิดตามป.อาญา ม.335 เมื่อ พ.ศ.2556 จำคุก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จำนวน 5 ปี ส่วนน.ส.วิลสา ให้การเป็นประโยชน์ในชั้นพนักงานสอบสวนจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน ต่อมา พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ หลบหนีไม่ฟังคำพิพากษาศาลจังหวัดเพชรบุรีคดีฆ่าผู้อื่น ส่วนน.ส.วิลสา เข้ารับโทษการจองจำที่เรือนจำกลางเพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.59 จนได้รับการอภัยโทษดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังออกจากเรือนจำ มีญาติของน.ส.วิลสา เดินทางมารับและรีบพากันขึ้นรถยนต์ไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า น.ส.วิลสา เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีที่ 2 สามีภรรยา ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ จนมาพบรถปิคอัพของทั้ง2 จอดอยู่ในบ้านที่บ้านหมอสุพัฒน์ อีกแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี จนนำไปสู่การตรวจค้นบ้านและไร่ของหมอสุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี จนพบโครงกระดูกมนุษย์ 3 รายถูกฝังอยู่โดย 1 ในนั้นมีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ เมื่อตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอแล้ว พบว่าเป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวพม่าที่สูญหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัว และจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนแจ้ง ข้อกล่าวหา 3 คดีคือค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพโดยพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอประกันตัวสู้คดี

ต่อมาศาลเพชรบุรีนัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้มาศาลทั้งยังไม่ได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวจำนวน 3 ล้านบาท และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์และจำเลย รวมทั้งพยานคือนายสรพงษ์ หรือกะลา และนายโย่ง ชาวพม่า คนงาน ในไร่พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่า เหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า เกิดเมื่อ ประมาณเดือน ก.พ.2547 เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้าสนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตัวเอง จึงให้นายกะลา จับกุมนายอีต้า ไปไว้ในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่ง หลบหนีมาได้ ทั้งนี้ศาลพิจารณา ว่าคำให้การของนายอีต้าและนายโย่งสอดคล้องกัน

นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลา ชี้ว่าฝังศพนายอีต้า มีรอยกระสุนปืนและพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน เมื่อนำกะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับ บิดาและลูกชายนายอีต้าพบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา

ศาลจึงพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี ส่วนนายอัคร เลาหะวัฒนะ บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ 19 ปีเศษยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน

ส่วน น.ส.วิลสา ถูกนำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ของ 2 สามีภรรยาที่หายไปและมาพบภายหลังเพียงคดีเดียว ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหา 2 สามีภรรยาที่หายตัวไป แม้จะพบรถยนต์ของทั้ง 2 ที่บ้านหมอสุพัฒน์ และล่าสุดหมอสุพัฒน์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมระหว่างหลบหนีคดี อยู่ในประเทศพม่า อยู่ระหว่างการนำตัวกลับมารับโทษ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน