มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยรับร้องเรียน 2 บริษัทลิสซิ่งใหญ่เก็บ ดอกเบี้ยโหด เกินกม.กำหนด หนุนฟ้องกลุ่มดำเนินคดีเอาผิดแพ่ง หวังเตือนภัยสังคม-หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้รับการติดต่อจากกลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ว่ามีผู้เสียหายที่ทำสัญญากู้ยืมเงินกับ บริษัทธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถชั้นนำของประเทศ 2 แห่ง เป็นจำนวนกว่า 100 ราย โดยบริษัททั้งสองให้กู้ยืมเงิน โดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งผู้เสียหายได้ตั้งทนายเพื่อดำเนินการฟ้องทั้งสองบริษัทเป็นคดีกลุ่มแล้ว ที่ศาลแพ่ง (รัชดาภิเษก) และศาลจังหวัดตลิ่งชัน

น.ส.สารี กล่าวต่อว่า โดยตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายจากการกู้เงินและทนายความได้เข้ามาร่วมกันแถลงข่าว เพื่อเตือนภัยสังคมและมุ่งหวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการปัญหาในเชิงนโยบาย พร้อมกับขอให้ 2 บริษัทดังกล่าวยุติการเก็บดอกเบี้ยทันที เพราะเป็นการเก็บดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนด

ด้าน นายวิษณุ สนองเกียรติ ทนายความ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หลังจากได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากลูกหนี้ ก็ติดต่อกับกลุ่มพิทักษ์สิทธิว่าจะให้ความช่วยเหลือในการฟ้องคดีแบบกลุ่มกับบริษัทดังกล่าว เพราะจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทฯให้กู้ยืมเงินโดยมีการจำนำทะเบียนรถไว้ ซึ่งส่วนมากเป็นรถจักรยานยนต์ เงินต้นที่ผู้เสียหายกู้ถูกบวกค่าธรรมเนียมและค่าประกันภัยแล้วไปตั้งเป็นเงินต้น

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า โดยระบุอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.50 ต่อเดือน 1.75 ต่อเดือน และ 2.50 ต่อเดือน ซึ่งรวมแล้วสูงถึงร้อยละ 18 ต่อปี 21 ต่อปี และ 30 ต่อปี ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด จึงต้องฟ้องเป็นคดีแบบกลุ่ม เพื่อให้ทุกคนที่ไปกู้ยืมเงินกับบริษัทนี้ได้รับการคุ้มครองไปด้วย ถึงแม้การดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง หากเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน ไม่สามารถเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปีได้ ถือว่าผิดกฎหมายและดอกเบี้ยที่ผิดกฎหมายสามารถเรียกคืนได้

ด้าน นายศุภวุฒิ อยู่วัฒนา ทนายความที่ปรึกษากลุ่มพิทักษ์สิทธิลูกหนี้ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทไม่ส่งมอบสัญญาให้ผู้กู้ และไม่แจ้งว่าคิดดอกเบี้ยเท่าไร แต่ใช้วิธีบอกว่าผู้กู้ต้องคืนดอกเบี้ยเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่แทนในระยะเวลา 3 เดือน หากคำนวณดอกเบี้ย ร้อยละ 2.4 ต่อเดือน คิดเป็นกว่าร้อยละ 28 ต่อปี หากผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินกู้และดอกเบี้ยคืนได้ภายในกำหนด บริษัทฯจะดำเนินการยึดรถที่โอนลอยไว้ หรือเรียกให้ชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ยคืนโดยทันที

ขณะที่ นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า สินเชื่อจำนำทะเบียนรถของบริษัทสินเชื่อรถยนต์อีกแห่งหนึ่ง ยังไม่พบว่าอยู่ภายใต้การกำกับของหน่วยงานใด หากผู้ประกอบธุรกิจการกู้ยืมเงินที่มีการจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ ต้องใช้เกณฑ์ในการคิดตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่คิดได้ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปีเท่านั้น

นางนฤมล กล่าวต่อว่า ซึ่งการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจทั้งสองบริษัท อาจเข้าข่ายมีความผิดตามพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ และได้รับทราบว่า กระทรวงการคลังกำลังจัดทำร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ. … จึงขอเสนอให้กระทรวงการคลังเร่งพิจารณาการกฎหมายดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน