ขนลุก! เปิดใจ “ก้อย” พยาบาลสาวคนรู้ใจคนสุดท้ายของ “โอ วรุฒ” ถึงเหตุที่ต้องเปิดตัว

เมื่อวันที 14 ก.ย.ผู้สื่อข่าวได้พบกับ น.ส.รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ หรือ ก้อย พยาบาลคู่ใจคนสุดท้ายในชีวิตของ โอ วรุฒ วรธรรม ขณะเข้ามาทำบุญภายในวัดล่ามช้าง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวได้ขอสัมภาษณ์ความรู้สึกการจากไปของโอ วรุฒ เนื่องจากเป็นคนใกล้ชิดคนสุดท้ายในชีวิตรักของ โอ วรุฒ

น.ส.รักษิณา หรือก้อย บอกว่า ที่มาที่วัดแห่งนี้ เพราะหลังจากทราบข่าว โอ วรุฒ เสียชีวิตลง ก็เหมือนว่าไปไหนมาไหนเหมือนมีใครติดตามตลอดเวลา จึงต้องเข้ามาพึ่งวัด เพื่อให้จิตใจสงบและเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับโอ วรุฒ

ก้อยเผยความรู้สึกว่าในตอนแรกตนจะขอปิดตัวไม่ต้องการเป็นข่าวใดๆ แต่เหมือนจิตใจร้อนรุ่มเหมือนใครติดตามตลอดจนขนลุก ซึ่งตนเหมือนว่าพี่โอต้องการให้ตนบอกอะไรถึงความดีงามในชีวิตที่เขาสร้างตลอดที่ได้รู้จักกันมา ตนขอพูดในฐานะพยาบาลที่รู้ใจ ตนได้เจอพี่โอครั้งแรก เมื่ออังคารที่ 24 พ.ค.2560 เมื่อพี่โอป่วยหนักถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลทีตนทำงานอยู่ ได้มีการพูดคุยเข้าใจกันจนรู้จักและเข้าใจกัน ดูแลกันมาเพราะความสงสาร เพราะป่วยมานาน

พี่โอมีโรคหลายโรคที่ต้องดูแล เกิดผูกพัน จนน่าจะเป็นคนที่รู้ใจพี่โอมากที่สุดขอวาระสุดท้ายของพี่โอ ซึ่งนิสัยอ่อนโยนและมีเมตตา เมื่อพี่โอหาย ก็ได้ชวนกันไปทำเรื่องจิตอาสา และเป็นวิทยากร ตนเป็นข้าราชการไม่คุ้นเคยกับการเป็นดารา แต่พี่โอมีจิตอาสา ที่จะเข้าไปร่วมทำกิจกรรมต่างๆในชุมนุม เป็นวิทยากรในการเลิกเหล้าเหมือนที่ตนเองประสบมา การรักษาตัวเองดูแลตัวเองให้เข้มแข็ง ทั้งก้อยและพี่โอ จึงเป็นที่ปรึกษาซึ่งกันและกันในเรื่องสุขภาพและเรื่องอาชีพมากกว่า

“ในวันเกิดพี่โอที่ผ่านมาก็ได้พาพี่โอไปทำบุญ เพื่อให้เป็นสิริมงคลกับชีวิตพี่โอ และกลางคืนก็มีการดินเนอร์ ซึ่งก้อยไม่คิดเลยว่าวันเกิดพี่โอปีนี้จะไปไม่ถึง ไม่นึกเหมือนกันว่าเขาจะจากไปเร็วขนาดนี้ แต่ในเวลานี้ที่ก้อยออกมาพูดเพื่ออยากให้พี่โอไปสู่ภพภูมิที่ดี และก็ไปสู่สุขคติไม่มีอะไรค้างคาใจ และพี่โอน่าจะดลจิตดลใจให้ก้อยออกมาพูด เพราะในความเป็นจริงก้อยไม่อยากออกข่าวและออกสื่อ แต่อยากจะพูดเพื่อพี่โอเป็นครั้งสุดท้าย” น.ส.รักษิณา กล่าว

ผู้สื่อข่ามถามว่าในช่วงอยู่กับพี่โออยู่อย่างคู่รักหรืออะไร ก้อย กล่าวว่า อยู่กันอย่างคนรู้ใจ เพราะว่าพี่โอป่วยหนักเราดูแลกันอย่างเอื้ออาทร มันก็พิเศษกว่าเพื่อธรรมดาไม่มีใครเข้าใจพี่โอในเวลานั้น เท่ากันตน ตนจึงต้องมาทำอะไรสักอย่างเพื่อพี่โอในตอนนี้ ตอนที่อยู่ด้วยกันพี่โอร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เจอกัน อาการทรงตัวตลอดเวลา ต้องใช้ยารักษาตลอด เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาจึงไม่สามารถประเมินได้ และช่วงหลังการติดต่อกับพี่น้อยน้อยลง เพราะตนติดงานทางราชการ ติดภาระกิจ แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่

“พี่โอเคยมีปัญหาแย่ในชีวิต พอมีก้อยเข้ามาจึงเหมือนกันมีคนหนึ่งที่เข้าใจชีวิต แต่เราก็ไม่ได้อยู่กับแบบสามีภรรยา เราอยู่กันแบบคนที่รู้ใจเข้าใจในฐานะที่ก้อยเป็นพยาบาล เพราะเข้าใจว่าพี่โอป่วยด้วยโรคที่ต้องดูแลทั้งกายและใจ มันคงเป็นชะตาที่ต้องมาดูแลพี่โอ และเป็นคนเดียวที่เข้าใจว่าพี่โอป่วยจนถึงครั้งสุดท้ายก็ 3 วันก่อนที่จะเสียชีวิต มีคนบอกว่าพี่โอไปที่โรงพยาบาล เหมือนจะไปรอใครคนหนึ่ง ตอนนั้นก้อยติดราชการ จึงไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่ได้เจอกัน จนทราบว่าพี่โอเสียชีวิต ก้อยไม่อยากจะเป็นข่าวจึงไม่แสดงตัว ก้อยไม่ต้องการเด่นดังด้วยการเอาความดังของพี่โอมาเป็นประเด็น

ผู้สื่อข่าวถามว่าการฉลองวันเกิดกับโอวรุฒ เป็นครั้งสุดท้ายได้พูดอะไรกัน น.ส.รักษิณา ตอบว่า ขอให้พี่โอสุขภาพแข็งแรงเป็นที่รักของพี่แม่เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมตลอดไป ซึ่งจริงๆ พี่โอก็เป็นตัวอย่างทีดีของสังคมไปร่วมงานสาธารณประโยชน์ให้ความรู้เป็นตัวอย่างที่ดีซึงมีรูปภาพเกี่ยวกับการเลิกเหล้ากับการที่ตัวเองเป็นอย่างอยู่ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมมาก ที่พี่โอทิ้งไว้กับสังคม

“งานศพของพี่โอ ก้อยจะต้องไปกราบขออโหสิกรรม ขอขมาไปอธิษฐานจิตขอให้พี่โอไปสู่สุคติ ทุกเวลานาทีเหมือนพี่โอติดตามอยู่ ก้อยต้องไปขอขมาและจะทำบุญให้พี่โอ การที่ก้อยได้เป็นคนที่รู้ใจพี่โอเป็นคนสุดท้าย ก็ขอเป็นส่วนหนึ่งให้พี่โอไปสู่สุคติ ส่วนชาติต่อไปไม่รู้จะได้เจอกันหรือเปล่า ส่วนที่ทำได้ตอนนี้ขอให้พี่โอไปสู่ภพภูมิที่ดีและจะนำเรื่องราวของพี่โอเป็นอุทาหรณ์สอนใจ เป็นวิทยาทานต่อคนอื่นต่อ” น.ส.รักษิณา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน