แม่เฒ่าวัย 76 ระทม ลูกสาวไล่ออกจากบ้าน ให้นายทุนลอบรื้อบ้าน ต้องอาศัยขนำเก่า!

เมื่อวันที่ 22 ก.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางมิหย้า ขนานใต้ อายุ 76 ปี ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ได้นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดิน เข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจาก นายชาตรี หลีเหล็ก ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 หลังถูกบุตรสาวแท้ ๆ ได้ให้คนงานไปรื้อบ้านที่อาศัยอยู่มานานกว่า 40 ปี ภายในที่ดินเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ที่บริเวณใกล้ที่ดินเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก. ที่บุตรสาวขายให้กับนายทุน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่อยู่อาศัย เบื้องต้น ทางนายชาตรี ได้ให้นางมิหย้า อาศัยอยู่ที่บ้านเก่าของญาติ ที่หน้าที่ทำการผู้ใหญ่บ้านชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

โดยนางมิหย้า เล่าว่า ตนอาศัยอยู่ที่ บ้านหลังหลังที่ถูกรื้อมานานกว่า 40 ปีมาแล้วอยู่ในที่ดินครอบครองมือเปล่า ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ได้สร้างบ้านขนาด 2 ห้องนอน เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งขณะนั้นสามีตนก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่หลังจากสามีเสียชีวิตได้ไม่นาน ลูกสาวที่แยกไปมีครอบครัวในพื้นที่ตำบลใกล้เคียง ก็ได้พาครอบครัวกลับมาอาศัยอยู่ด้วย โดยปลูกสร้างไว้ที่บริเวณใกล้เคียง

จากนั้นลูกสาวได้ซื้อที่ดินที่เอกสารสิทธิ์เนื้อที่ 1 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านที่ตนอาศัยอยู่ แต่ต่อมาลูกสาวก็ได้บอกขายให้กับนายทุนไป และลูกสาวได้มาบอกกับตนว่าที่ดินที่ตนอาศัยอยู่นี้ ตกเป็นของเขาแล้วตามกฎหมาย ให้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นแต่ตนไม่ออกเพราะอยู่มานาน

นางมิหย้า เล่าอีกว่า เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ตนออกไปซื้อกับข้าวนอกบ้าน เพื่อมาทำอาหาร พอกลับมา ปรากฎว่า ได้มีคนงาน มารื้อบ้านของตนพังเสียหายแล้ว ตนก็รีบเก็บกระเป๋าออกจากบ้าน เพื่อความปลอดภัย ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ ที่อยู่ในบ้านก็ได้รับความเสียหายทั้งหมด จึงได้มาปรึกษา ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่บ้าน และได้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรมจ.กระบี่ แต่เรื่องยังไม่คืบหน้า

ด้านนายชาตรี กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้นางมิหย้าได้อาศัย ขนำเก่าของญาติ ที่บริเวณหน้าที่ทำการผู้ใหญ่บ้านชั่วคราว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และให้นางมิหย้า ไปแจ้งความที่ สภ.คลองท่อมไว้แล้ว และจากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินที่นางมิหย้าปลูกบ้านอาศัยอยู่และถูกรื้อนั้น เมื่อตรวจสอบ ตามแผนที่ระวาง อยู่นอกเขตเอกสารสิทธิ ที่มีการซื้อขายกัน

สภาพบ้านตอนนี้

ขณะเดียวกัน จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ก็ได้ยืนยันว่า นางมิหย้าอาศัยอยู่มานานกว่า 40 ปีแล้ว และได้มาลงชื่อรับรองไว้ กับตนแล้วจำนวน กว่า 60 ราย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะรายงานให้ทางกำนันและทางอำเภอรับทราบ เพื่อหาทางช่วยเหลือ ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างแม่ลูกนั้นก็ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน