ไทย-เมียนมา ร่วมเปิดศูนย์แรกรับฯ จังหวัดระนอง รองรับนำเข้า MOU แก้ปัญหาแรงงานในภาคประมงทะเล รูปแบบ ONE STOP SERVICE วันนี้มีแรงงานต่างด้าวในกิจการประมง นำเข้าตาม MOU จำนวน 67 ราย นายจ้าง จำนวน 19 ราย

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน พร้อมด้วย นายเต็งส่วย รมว.แรงงาน ตรวจคนเข้าเมือง และประชากร สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ร่วมเปิดศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง จ.ระนอง เพื่อเป็นศูนย์ฯ รับแรงงานเมียนมาเข้าทำงานในภาคประมงทะเลเป็นการเฉพาะ โดยระบุวันนี้มีแรงงานต่างด้าวในกิจการประมง นำเข้าตาม MOU จำนวน 67 ราย

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในทุกกลุ่มอาชีพ และมีนโยบายในการบริหารที่มุ่งให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ใช้ระบบเทคโนโลยีช่วยในการพัฒนา ก้าวสู่ประเทศ 4.0 โดยยึดถือแนวทางตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยในเรื่องของแรงงานต่างด้าว มีเป้าหมายที่จะให้แรงงานต่างด้าวในประเทศไทยเป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายของไทย มีสิทธิสวัสดิการรายได้ที่เหมาะสม และเป็นธรรม

สำหรับการเปิดศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างจังหวัดระนองในวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคประมงทะเล ทั้งเรื่องของความต้องการแรงงาน และการคุ้มครองแรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาโดยมีแนวทางการนำเข้าแรงงานต่างด้าวในระบบ MOU

ทั้งนี้ ศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้างจังหวัดระนองแห่งนี้จะเป็นศูนย์ฯ รับแรงงานเมียนมา เข้าทำงานในภาคประมงทะเล เป็นการเฉพาะ สอดรับกับการหารือร่วมกันของไทย-เมียนมา ซึ่งจะส่งแรงงานเข้าทำงานทางเกาะสอง ของเมียนมา อันจะเป็นประโยชน์ในการลดขั้นตอน เกิดประสิทธิภาพของการจัดส่ง และรับแรงงาน ความสะดวกในการติดต่อสื่อสารของนายจ้าง ผู้ประกอบการ กับแรงงาน ในขั้นตอนต่างๆ เป็นศูนย์ที่รองรับแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานอยู่ในประเทศไทยตามระบบ MOU

โดยเป็นสถานที่อบรมให้ความรู้ด้านต่างๆ แก่แรงงานต่างด้าว เช่น การทำงาน กฎหมายต่าง ๆ การใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย เป็นต้น ตรวจสอบและคัดกรองแรงงานต่างด้าวว่ามีนายจ้างจริงตรงตามสัญญาจ้าง และมีความพร้อมที่จะทำงานก่อนอนุญาตให้เข้ามาทำงานในประเทศไทย รวมทั้งประสานงานให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าวเกี่ยวกับการดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาจ้าง ตั้งอยู่เลขที่ 89/227 ม. 1 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง สามารถรองรับการให้บริการแรงงานต่างด้าวในการอบรม และออกใบอนุญาตทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-WORKPERMIT) ประมาณ 1,200 คนต่อวัน บนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ

อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือที่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาใช้ในการเดินทางระหว่างจังหวัดเกาะสอง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และจ.ระนอง ประเทศไทย ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งระบบการทำงานของศูนย์แรกรับฯ นี้ จะเป็นรูปแบบของ ONE STOP SERVICE คือ แรงงานเดินทางเข้ามาจะได้รับ 1.การตรวจลงตรา Visa 2.ลงทะเบียนประวัติแรงงาน 3.เข้ารับการอบรมตามแนวทางการทำงานในภาคประมงทะเล สิทธิสวัสดิการ และ 4.ได้รับการอนุญาตทำงานจากกระทรวงแรงงาน

ซึ่งทำให้มีความพร้อมที่จะไปขอรับใบอนุญาตทำงานในภาคประมงทะเล (Sea Book) จากกรมประมง นอกจากนี้ ยังมีการใช้ระบบ IT เข้ามาช่วยในเรื่องของการติดตามนัดหมาย การยืนยันจำนวนแรงงาน เที่ยวเรือในแต่ละวัน เกิดความสะดวก รวดเร็ว ไม่มีแรงงานตกค้าง นายจ้างสามารถมารับแรงงานได้ตรงตามเวลานัดหมาย

รมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า วันนี้มีแรงงานต่างด้าวในกิจการประมง นำเข้าตาม MOU จำนวน 67 ราย นายจ้าง จำนวน 19 ราย เป็นนายจ้างจากจังหวัดชุมพร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และสุราษฎร์ธานี และต้องขอบคุณนายเต็ง ส่วย รัฐมนตรีแรงงานฯ และคณะ ที่ได้ขับเคลื่อนงานให้เกิดผลสำเร็จครั้งนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และหวังเป็นอย่างยิ่งถึงเป้าหมายสำหรับผู้ประกอบการของไทยในความต้องการแรงงานเมียนมาภาคประมงทะเล อีกกว่า 42,000 คน จะได้รับการสนับสนุนให้เข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน