“เฉลิมเกียรติ” รับฝากบ้าน “แพนเค้ก” ช่วงหยุดยาวปีใหม่ สั่งคุมเข้ม 7 วันอันตราย ‘บิ๊กตู่’ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ โพลชี้คนอยากให้ของขวัญนายกฯมากที่สุด ส่วนดาราเป็นมาริโอ้-ขวัญ อุษามณี คาดปีใหม่เงินสะพัด 1.5 แสนล้าน 27-31 หนาวแน่ กทม.อุณหภูมิลด 5 องศา

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการป้องกันและรับมือเหตุการณ์ช่วงปีใหม่ ว่า คงไม่เฉพาะช่วงปีใหม่ แต่ช่วงปีใหม่เป็นความเข้มงวดกวดขัน เน้นย้ำให้มากขึ้น แต่การเตรียมพร้อมของส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร พร้อมอยู่แล้ว รวมถึงคสช.ด้วย ซึ่งมีการสั่งการและเน้นย้ำไปแล้ว ทำอย่างไรให้เหตุการณ์บ้านเมืองสงบมากที่สุด ไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น และต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชนช่วยกันเฝ้าระวัง แจ้งเตือน หากจะหวังจากเจ้าหน้าที่อย่างเดียว บางทีไม่ทันการณ์ ต้องช่วยกันดูเพราะเป็นบ้านของเรา

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องวันหยุดราชการในช่วงปีใหม่ รัฐบาลประกาศให้หยุดตั้งแต่ 31 ธ.ค. 2559 – 3 ม.ค. 2560 รวม 4 วัน สำหรับการอวยพรปีใหม่ของนายกฯ ที่จะให้ประชาชนนั้น ความจริงได้อวยพรไปหลายรอบแล้วซึ่งในวันที่ 30 ธ.ค.นี้จะอวยพรผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอีกครั้ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ปีใหม่ขอให้ประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะวัยใดกลุ่มใดที่เป็นคนไทยทั้งหมด ขอให้ได้รับพรจากอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและบุญบารมีอันแผ่ไพศาลแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ได้ทรงปกป้องรักษาคุ้มครองให้ประชาชนคนไทยทั้งหมดที่เป็นคนไทย และผู้ที่พำนักในประเทศไทยทุกคนมีความสุขความเจริญ ก้าวหน้าทั้งราชการและส่วนตัว รวมความถึงนักข่าวที่รักทุกคนด้วย

“ปีใหม่ขับรถระมัดระวัง สุราไม่ดื่มได้ก็ดี ถือเป็นปีแห่งมหามงคลแล้วกัน ฉะนั้นขอให้ทุกคนรักษาตัวให้ดี ให้มีชีวิตอยู่ร่วมกันในปีใหม่ และปีต่อๆ ไปตลอดชีพ อย่าไปฝากความหวังไว้กับเจ้าหน้าที่ จราจร ทหาร ตามจุดพักรถเพราะตัวเองเท่านั้นที่จะดูแลชีวิตของตัวเอง และลูกหลานให้ปลอดภัยในการขับรถ ขอบคุณแล้วเจอกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. แถลงเปิดตัว 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง 14 จุด บริเวณโดยรอบกรุงเทพฯ เพื่อเป็นจุดบริการประชาชนตรวจสอบ ซ่อมบำรุงรถก่อนเดินทางออกไป ต่างจังหวัด 2.โครงการ ทำดีมีข้าวให้ แจกให้กับผู้ขับขี่ที่ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจร เช่น สวมหมวก คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ เมาไม่ขับ เป็นต้น เป็นข้าวที่ซื้อจากชาวนาโดยตรงเพื่อสนับสนุนโครงการ โดยจัดข้าวให้สน.ละ 100 กิโลกรัม เพื่อแจกจ่าย 3.โครงการปีใหม่ รีเซ็ตใบสั่ง และ 4.โครงการ Police i lert U เป็นการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้สนับสนุนงานจราจร เช่น เกิดอุบัติเหตุ รถชน รถเสีย การจราจรติดขัด ฯลฯ สามารถแจ้งเหตุ ระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุ เพื่อความสะดวกและให้บริการประชาชนได้รวดเร็วทันเหตุการณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าใช้แอพพลิเคชั่นให้พิมพ์คำว่า “Police i lert U” ได้ทั้งระบบไอโอเอสและระบบแอนดรอยด์ โดยเข้าสู่ระบบครั้งแรกลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิก จากนั้นใส่รูป ผู้สมัคร ใส่อีเมล์ ชื่อนามสกุล วันเกิด เบอร์ติดต่อ โดยจะสามารถเข้าไปที่เมนูหลักไอคอนรูป “I lert” สำหรับแจ้งเหตุกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมนูไอคอนรูป “I call” สำหรับแจ้งตำรวจ ส่วนโครงการ “รีเซ็ตใบสั่ง” เป็นนโยบายเปรียบเทียบปรับในอัตราโทษต่ำสุด ซึ่งจะให้ทุก สน.ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลนำไปพิจารณาใช้ ในช่วงระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2559 ถึง 4 ม.ค. 2560 โดยอัตราโทษต่ำสุดคือสั่งเปรียบเทียบปรับ 100 บาท

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ทุกคนไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุ ต้องช่วยกันเพราะสถิติที่ผ่านมาก็จะซ้ำๆ คือมีการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการดื่มสุราและขับขี่ยานพาหนะสูง ถ้างดดื่มสุราแล้วขับยานพาหนะ หรือขับรถไม่เร็วก็จะลดอุบัติเหตุได้แน่นอน

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 ธ.ค. เวลา 10.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ ฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน จะเดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูล และแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2560 รวมทั้งประสานสั่งการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในแต่ละพื้นที่ ที่สำคัญเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบมาตรการและนโยบายการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่

ทั้งนี้ได้กำหนดมาตรการสร้างความปลอดภัยในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2560 ซึ่งมุ่งลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.มาตรการการลดปัจจัยเสี่ยงด้านคน บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เข้มงวดพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ คุมเข้มการจำหน่าย การดื่ม และการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมเข้มข้นการดำเนินมาตรการ ด้านสังคมและชุมชน โดยจัดทำประชาคมชุมชน/หมู่บ้าน พร้อมจัดตั้งด่านชุมชนบนเส้นทางสายรอง รวมถึงส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางศาสนา “1 อำเภอ 1 กิจกรรม”

2.มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนน ขับเคลื่อนมาตรการ “1 ท้องถิ่น 1 ถนนปลอดภัย” แก้ไขจุดเสี่ยงอุบัติเหตุและสภาพแวดล้อมริมทางให้มีความปลอดภัย รวมถึงอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน

3.มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ คุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยของยานพาหนะ ส่งเสริมการตรวจสภาพรถก่อนเดินทางและขอความร่วมมือหยุดการขนส่งสินค้าโดยรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน

และ 4.มาตรการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสภาพแวดล้อม ปรับปรุงภูมิทัศน์มิให้มีสิ่งกีดขวางช่องทาง และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไป 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวและภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกและภาคกลางในวันที่ 27 ธ.ค. และจะแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. จะทำให้ระหว่างวันที่ 27-31 ธ.ค. บริเวณดังกล่าวมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียสกับมีลมแรง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 28-31 ธ.ค.

ส่วนกรุงเทพฯและปริมณฑล อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงถึงการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,223 ตัวอย่าง ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 19-23 ธ.ค. ถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า จะนิยมทำบุญมากที่สุดถึงร้อยละ 87 รองลงมาเป็นท่องเที่ยวร้อยละ 64.4 และการจัดงานสังสรรค์ร้อยละ 58.7 สำหรับแผนการใช้เงินในช่วงปีใหม่ 3 อันดับแรกคือ จะซื้อสินค้าคงทน สินค้าฟุ่มเฟือยและซื้อสินค้าโอท็อป ในส่วนการใช้จ่ายเพื่อซื้อของขวัญให้ผู้อื่นจะนิยมซื้อสินค้าโอท็อป สลากกินแบ่งรัฐบาลและสินค้าคงทนมากที่สุด และสำหรับของขวัญยอดนิยมในช่วงปีใหม่ 3 อันดับแรกที่นิยมมากที่สุดคือ ของรับประทาน เครื่องดื่มบำรุงและกระเช้าผลไม้

สำหรับพฤติกรรมท่องเที่ยวของประชาชนในช่วงปีใหม่พบว่าในปีนี้นิยมท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น คิดเป็นร้อยละ 84.9 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยนิยมเที่ยวในพื้นที่ภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด ในสถานที่ที่เป็นภูเขา และนิยมเดินทางกับครอบครัวมากที่สุด โดยใช้เวลาเดินทาง ท่องเที่ยวเฉลี่ยประมาณ 4-5 วัน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.28 หมื่นบาทต่อคน สำหรับการเดินทางในต่างประเทศจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 6.53 หมื่นบาท

นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า คาดว่าในช่วงขึ้นปีใหม่นี้จะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจประมาณ 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น เงินสะพัดจากฐานปกติ 1.29 แสนล้านบาท ผลจากมาตรการช็อปช่วยชาติ 1.49 หมื่นล้านบาท และผลจากมาตรการเที่ยวช่วยชาติ 5.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเงินสะพัดในช่วงปีใหม่ของปีที่ผ่านมาที่มีเงินสะพัด 1.39 แสนล้านบาท หรือมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.21 ทั้งนี้คาดว่าบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยจะมีแรงส่งที่ค้างไปจนถึงประมาณกลางเดือนม.ค. 2560 และสำหรับทิศทางเศรษฐกิจในปีหน้า คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นประมาณปลายไตรมาส 2 จากการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ การส่งออกที่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น รวมถึงการเบิกงบประมาณกลางปีของภาครัฐ จึงคาดว่าปีหน้านี้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวร้อยละ 3.6

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า นอกจากนี้แล้ว การประเมินความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ ของรัฐบาลพบว่า มีคะแนนความตั้งใจรวม 6.67 คะแนน และคะแนนผลดำเนินการ 6.27 คะแนน สำหรับปัญหาที่อยากให้รัฐบาลแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดคือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรวม รองลงมาเป็นปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง และปัญหาสังคม

สำหรับคำอวยพรที่อยากให้ประเทศมากที่สุด 3 ลำดับแรกคือ ขอให้สมเด็จพระราชินีและสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ขอให้เศรษฐกิจดีขึ้นและขอให้มีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในผลสำรวจรัฐมนตรีที่ประชาชนอยากให้ของขวัญเป็นกำลังใจมากที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 50.9 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ร้อยละ 9.6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯร้อยละ 8.1% นักการเมืองที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยมากที่สุดคือ พล.อ. ประยุทธ์, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วนดารานักแสดงที่อยากให้ของขวัญมากสุดคือ มาริโอ้ เมาเร่อ, ขวัญ อุษามณี, โตโน่ เดอะสตาร์ และกระแต อาร์สยาม

ที่ห้อง ศปก.สน.มีนบุรี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เปิดโครงการประชารัฐร่วมใจ ฝากบ้านไว้กับตำรวจในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 โครงการบ้านสีขาวปลอดยาเสพติด และแอพพลิเคชั่น “ช่วยชีวิต Police I lert u.” โดยพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นนโยบายของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และเจ้าของบ้าน ที่จะเข้าร่วมโครงการ

จากนั้นพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ พร้อมคณะ เดินทางไปหมู่บ้านมิลตันเรสซิเดนซ์ ย่านรามอินทรา เพื่อตรวจสอบบ้านพักของ น.ส.เขมนิจ จามิกรณ์ หรือแพนเค้ก ดารา นักแสดง ที่เข้าร่วมโครงการ และร่วมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเข้าร่วมทั้ง 3 โครงการที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดทำขึ้น ประกอบด้วย โครงการประชารัฐร่วมใจฝากบ้านไว้กับตำรวจช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2560 โครงการบ้าน สีขาวปลอดยาเสพติด และแอพพลิเคชั่น “ช่วยชีวิต Police I lert u.” เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวถึง 4 วัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน