หนุ่มเกาหลีเล่านาที รูดบัตรเครดิต จ่ายค่าโอเกะ 5 ล้านวอน ลุยเรียกร้องเอาเงินคืน!
จากกรณีที่วานนี้ (4 ต.ค.61) นายจอง กอนบค อายุ 46 ปี นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อแจ้งความหลังจากที่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่ และได้เข้าไปใช้บริการที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งย่านถนนเจริญประเทศ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งได้มีสาวๆ นับสิบคนมานั่งด้วยพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มมากิน
แต่เมื่อถึงเวลาเช็กบิลคิดเงินปรากฎว่ามีค่าใช้จ่ายถึง 160,000 บาท ทำให้เจ้าตัวถึงกับตกใจ และถูกข่มขู่จากพนักงานเพื่อนำบัตรเครดิตไปรูดถึง 3 ครั้ง ตามจำนวนค่าบริการที่คิดเป็นเงินไทยดังกล่าว ก่อนจะได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ
โดยก่อนหน้าที่จะเข้าแจ้งความนั้นทาง นายจอง กอนบค ยังได้เข้าทำการร้องเรียนสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งเบื้องต้นหลังการแจ้งความไปแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินการเรียกเจ้าของร้านมาเจรจาไกล่เกลี่ยโดยคืนเงินให้กับนักท่องเที่ยวคนดังกล่าว 60,000 บาท แต่ผู้เสียหายยังไม่พอใจจึงไปร้องสถานทูต เพื่อขอเงินคืนอีกเพราะทางร้านคิดค่าบริการแพงกว่าความเป็นจริง
ล่าสุด นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ ได้เดินทางเข้าร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ อีกครั้ง เนื่องเห็นว่าเงินที่ได้คืน 60,000 บาท นั้น ยังไม่ยุติธรรม และต้องการเงินคืนอีก 60,000 บาท โดยนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้คนนี้ เล่าว่า คืนวันเกิดเหตุวันที่ 21ก.ย.61 ที่ผ่านมาเขาเข้าไปเที่ยวร้านคาราโอเกะเพียงลำพัง
ขณะนั้นอยู่ในอาการเมาสุราจำไม่ได้ว่ารูดบัตรเครดิตไปกี่ครั้งและยืนยันว่าไม่ได้เซ็นชื่อตอนรูดบัตรเครดิต มารู้ตัวอีกครั้งวันที่ 24 ก.ย.61 ว่ามียอดค่าใช้บริการบัตรเครดิตแจ้งว่าได้ใช้จ่ายเงินค่าบริการร้านคาราโอเกะประมาณ 5 ล้านวอนหรือประมาณ 160,000 บาท จึงตกใจและเข้าแจ้งความกับตำรวจ ส่วนทางด้านตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานหากพบว่าร้านคาราโอเกะคิดค่าบริการเกินราคาจริง เตรียมแจ้งข้อหาฉ้อโกง เร่งดำเนินคดีไม่ให้เสียภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ช่วงกลางดึกคืนวานนี้ (4 ต.ค.61) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศสินธุ์ รอง ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ ได้เข้าตรวจสอบร้านคาราโอเกะ ย่านถนนเจริญประเทศ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวว่า ถูกคิดค่าบริการสูงกว่า 5 ล้านวอน หรือประมาณ 1.6 แสนบาท
โดยร้านต้นเหตุไหวตัวทันปิดร้านไปก่อนที่ตำรวจจะไปถึง ส่วนอีกร้านซึ่งเป็นเครือเดียวกัน พบยังเปิดให้บริการ มีการจำหน่ายสุราและหญิงสาวนับสิบคนดูแลลูกค้าอยู่ เบื้องต้นพบว่าไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ จึงควบคุมตัวคนดูแลและหญิงสาวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายสุราเกินเวลา และเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
