3ฝรั่งเศสแสบ! อ้างโดนปล้น ตร.บ่อผุด เกาะสมุยตามสืบกันวุ่น ไปเจอพิรุธจนโป๊ะแตก หลังทรัพย์สินที่บอกโดนปล้นกลับยังอยู่ สุดท้ายโดนจับแทน

อ้างโดนปล้น วันที่ 6 ต.ค. พ.ต.อ.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา รรท.ผกก.สภ.บ่อผุด จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้มี น.ส.พริซซิลา มองกา อายุ 31 ปี นายไบรอัน ดูบัว อายุ 25 ปี และนายยาน ชัสเทล อายุ 32 ปี ทั้งหมดสัญชาติฝรั่งเศส มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุยว่า ถูกคนร้ายเป็นชาย 5 คน ขี่รถจยย. 3 คัน ใช้อาวุธมีดดักปล้นเอาทรัพย์สินที่นำติดตัวมาทั้งหมด ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป

เจ้าหน้าที่เข้าตวรจสอบโรงแรมที่ 3 นักท่องเที่ยวฝรั่งเศสพัก

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโรงแรมที่ 3 นักท่องเที่ยวฝรั่งเศสพัก

โดยผู้เสียหายให้การว่า ในช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 3 ต.ค. ทั้ง 3 คน ได้ยืนเรียกรถสองแถวริมถนนหน้าโรงแรมลมทะเลวิลล่า ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย เพื่อไปหาโรงแรมที่พักแห่งใหม่ที่หาดละไม ต.มะเร็ต แต่เมื่อรถสองแถววิ่งไปได้ประมาณ 30 นาที รถก็จอดให้ผู้โดยสารคนอื่นลง แต่ 3 นักท่องเที่ยวก็เข้าใจว่าถึงที่หมายแล้วก็เลยลงจากรถสองแถว และเดินต่อเข้าไปภายในซอยไม่ทราบว่าที่ใดเพื่อหาโรงแรมที่พัก ระหว่างที่เดินอยู่นั้นได้แจ้งว่าไปพบกับคนร้ายทั้ง 5 คน เข้ามาก่อเหตุดังกล่าว

เจ้าหน้าที่นำทรัพย์สินมาตรวจค้น

เจ้าหน้าที่นำทรัพย์สินมาตรวจค้น

พ.ต.อ.ธงชนะ กล่าวอีกว่า หลังรับแจ้งเหตุ สภ.บ่อผุด ได้รับการประสานจากตำรวจ สภ.เกาะสมุย ตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี ให้ช่วยเหลือติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี แต่จากการสืบสวนพบพิรุธว่าทั้ง 3 คนกลับไม่สามารถยืนยันบริเวณจุดเกิดเหตุและเวลาที่แน่ชัดได้ ชุดสืบสวนจึงได้สืบสวนเกี่ยวกับรถสองแถวโดยสารที่นักท่องเที่ยวกล่าวอ้างว่าโดยสารไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกับตรวจสอบกล้องวงจรปิด และหลังจากสอบถามปากคำคนขับรถสองแถวโดยสารไม่พบพยานหลักฐานใดยืนยันหรือสอดคล้องกับคำให้การเกี่ยวกับการเดินทางที่บุคคลทั้ง 3 กล่าวอ้างได้ ทำให้เชื่อว่าอาจจะเป็นการแจ้งความเท็จเพื่อนำเอกสารไปเรียกเอาประกันภัยของนักท่องเที่ยว

ตร.ตรวจค้นห้องพัก กลับเจอทรัพย์สินที่อ้างว่าถูกปล้นไป

ต่อมาตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่ห้องพักของนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส ปรากฎว่าพบทรัพย์สินบางส่วนที่ถูกกล่าวอ้างว่าถูกคนร้ายเอาไป จึงได้ซักถามปากคำโดยละเอียดจนนักท่องเที่ยวทั้ง 3 คนยอมรับว่าสร้างเรื่องและได้แจ้งความอันเป็นเท็จ ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณห้องพักข้างเคียงที่นักท่องเที่ยวพักอยู่ ได้พบทรัพย์สินที่มีการแจ้งหายซุกซ่อนเอาไว้ จึงเชื่อได้ว่าบุคคลทั้ง 3 วางแผนแจ้งความอันเป็นเท็จจริง

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับทั้ง 3 คนว่า มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ตามมาตรา 173 “ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน